เอเอฟพี - ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกแกนนำอาวุโสของพรรคฝ่ายค้านเป็นเวลา 3 ปี จากการโพสต์พูดคุยบนสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การล่มสลายของระบอบเขมรแดงที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียง
ระบอบการปกครองแบบสุดโต่งของเขมรแดงทำให้ชาวกัมพูชาราว 2 ล้านคนเสียชีวิตจากการทำงานหนัก ความอดอยาก ความเจ็บป่วย และการประหาร ในช่วงปี 2518-2522
พรรครัฐบาลของกัมพูชากำหนดให้วันที่ 7 ม.ค. เป็นวันแห่งชัยชนะ ที่ถือเป็นการปลดปล่อยประเทศจากการปกครองของเขมรแดง แต่นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านอธิบายว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการยึดครองกัมพูชาของเวียดนามนานนับทศวรรษ
ในเดือน ม.ค. ธัจ เศรษฐา รองหัวหน้าพรรคแสงเทียน ได้โพสต์คลิปวิดีโอบนเฟซบุ๊กพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองเรื่องวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ของเขาสร้างความไม่พอใจให้เจ้าหน้าที่ที่กล่าวหาว่าเขายุยงปลุกปั่นก่อนการเลือกตั้งเดือน ก.ค.
ในวันพุธ (18) ศาลกรุงพนมเปญตัดสินว่าธัจมีความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่น 2 กระทง เขาถูกตัดสินจำคุก 3 ปี และถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 1,000 ดอลลาร์ ทนายความของธัจเปิดเผยกับเอเอฟพี
“ทีมจำเลยผิดหวังกับคำตัดสินเพราะมันเป็นการตัดสินลงโทษที่ไม่ยุติธรรม” ทนายความกล่าว และเสริมว่าทีมของเขาจะปรึกษาหารือกับธัจว่าจะอุทธรณ์หรือไม่
ในเดือน ม.ค. ธัจ เศรษฐา ยังถูกจับกุมในข้อหาออกเช็คเสียและได้รับโทษจำคุก 18 เดือน ในคดีดังกล่าวเมื่อเดือนก่อน
นักวิจารณ์รัฐบาลกล่าวว่า คดีดังกล่าวมีแรงจูงใจทางการเมืองเพราะเขาถูกควบคุมตัวก่อนการเลือกตั้งของประเทศ ที่พรรครัฐบาลได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย
พรรคประชาชนกัมพูชาที่เป็นรัฐบาลชนะที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดยกเว้นเพียง 5 ที่นั่ง จาก 125 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเดือน ก.ค. ที่ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ด้วยพรรคแสงเทียนถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยเหตุผลทางเทคนิค
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซนที่ปกครองกัมพูชามานานเกือบ 4 ทศวรรษว่าใช้ระบบกฎหมายบดขยี้ผู้ที่ต่อต้านการปกครองของเขา
ฮุนเซนก้าวลงจากตำแหน่งในเดือน ส.ค. และมอบอำนาจให้ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของเขา
ธัจ เศรษฐา เป็นฝ่ายค้านคนแรกที่ถูกตัดสินลงโทษทางอาญานับตั้งแต่ฮุน มาเนต ขึ้นสู่อำนาจ
นักการเมืองฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวจำนวนมากถูกตัดสินลงโทษและถูกจำคุกในช่วงที่ฮุนเซนครองอำนาจ
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า การปราบปรามนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านของรัฐบาลไม่ได้ยุติลงแม้ฮุน มาเนต จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
“การตัดสินโทษครั้งนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่หยุดพักจนกว่าจะทำลายและฝังพรรคแสงเทียนและผู้นำของพวกเขา” โรเบิร์ตสัน กล่าว และระบุว่าการตัดสินลงโทษธัจ เศรษฐา จากการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นเรื่องน่าขันและรับไม่ได้.