รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่เวียดนามและจีนกำลังเตรียมการการเยือนฮานอยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงปลายเดือน ต.ค. หรือต้นเดือน พ.ย.นี้ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายหลังการเยือนฮานอยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเดือน ก.ย.ผู้ที่คุ้นเคยกับแผนงานดังกล่าว 4 คนระบุ
การเยือนในครั้งนี้จะเน้นย้ำถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ขยายตัวขึ้นของศูนย์กลางการผลิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่มหาอำนาจกำลังแย่งชิงอิทธิพลในภูมิภาคนี้ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน
ผู้ที่ทราบเกี่ยวกับการเจรจาได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คำแถลงร่วมที่จะออกระหว่างการเยือนนั้นยังอยู่ระหว่างการเตรียมการ
แหล่งข่าว 2 คนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือถึงการอ้างถึงการอยู่ด้วยกันใน ‘ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน’ วลีที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมักใช้ที่บางคนพบว่ามีข้อขัดแย้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่เวียดนามยังคงระมัดระวังในการเพิ่มคำกล่าวดังกล่าว
แหล่งข่าวชาวเวียดนามคนที่ 5 ระบุว่า คำแถลงร่วมมีแนวโน้มที่จะรวมการอ้างอิงดังกล่าวเข้าไว้ด้วยที่อาจตีความได้ว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแต่ไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้จะนำมาซึ่งอะไร หรืออาจประกาศข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม การเยือนครั้งนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ และยังคงสามารถยกเลิกหรือเลื่อนออกไปได้ แต่กระนั้นก็มีการสำรวจเตรียมการด้านโลจิสติกส์แล้ว
“กิจกรรมทางการทูตที่สำคัญทั้งหมดของเวียดนามจะประกาศให้ทราบตามความเหมาะสม” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามกล่าวแถลงข่าวเมื่อถูกสอบถามถึงการเยือนของผู้นำจีน
ทั้งนี้ กระทรวงไม่ได้ตอบคำถามทางอีเมลจากรอยเตอร์เกี่ยวกับช่วงเวลาการเยือนและเนื้อหาของคำแถลงร่วม ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่าไม่ม่ข้อมูลที่จะนำเสนอเมื่อถูกถามความคิดเห็น
หนึ่งในแหล่งข่าวกล่าวว่า จีนส่งทีมงานมาที่ฮานอยเพื่อจัดหาที่พักสำหรับคณะของผู้นำจีน และแหล่งข่าวอีกรายกล่าวว่า ทีมงานกำลังมองหาจองห้องพัก 800 ห้อง ในโรงแรมในเมืองหลวงของเวียดนามจำนวนที่สอดคล้องกับการเยือนอย่างเป็นทางการ
หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนคาดว่าจะเยือนกรุงฮานอยในช่วงกลางเดือน ต.ค.เพื่อช่วยสรุปคำแถลงร่วมแหล่งข่าวกล่าวเสริม
ช่วงเวลาการเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะตรงกับสมัยประชุมรัฐสภาเดือนละ 2 ครั้งของเวียดนามที่เขาเคยกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการเยือนฮานอยครั้งก่อนในปี 2558 ซึ่งการเยือนครั้งนั้นใช้เวลาเตรียมการนานเวลาหลายเดือนเจ้าหน้าที่กล่าว
เวียดนามถูกมองว่ามีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อมหาอำนาจทั้งสองเนื่องจากเวียดนามขยายบทบาทในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกโดยนำเข้าส่วนประกอบทางอุตสาหกรรมจากจีน และประกอบขึ้นก่อนส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปสหรัฐฯ หรือยุโรป
วอชิงตันยกระดับความสัมพันธ์กับฮานอยในเดือน ก.ย.ที่เป็นการยกระดับสหรัฐฯ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเช่นเดียวกับจีนในเวียดนามหลังการผลักดันทางการทูตที่ยืดเยื้อยาวนาน
ในฐานะประธานาธิบดีของจีน สี จิ้นผิงเดินทางเยือนเวียดนามแล้ว 2 ครั้งโดยเยือนครั้งล่าสุดในปี 2560 ที่เขาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชีย-แปซิฟิกกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รวมถึงผู้นำคนอื่นๆ
จีนเป็นนักลงทุนอันดับต้นในประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้แห่งนี้โดยมุ่งมั่นที่จะใช้จ่ายเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 6 เท่า เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน และเป็นรองเพียงสิงคโปร์เท่านั้นตามข้อมูลของรัฐบาลเวียดนาม
ปักกิ่ง และฮานอยขัดแย้งกันในเรื่องขอบเขตในทะเลจีนใต้และมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งยาวนานหลายศตวรรษ โดยสงครามครั้งล่าสุดของจีนคือการต่อสู้กับเวียดนามในปี 2522.