รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน เจรจาเป็นเวลา 2 วัน กับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดย หวัง ย้ำเตือนอเมริกาอย่าก้าวล่วงประเด็นไต้หวัน ขณะที่ซัลลิแวนยันไม่คิดหนุนไทเปประกาศเอกราช แต่ยืนกรานคัดค้านการพยายามเปลี่ยนสถานะดั้งเดิมฝ่ายเดียว เวลาต่อมา ปักกิ่งเผยว่า หวัง เดินทางเยือนรัสเซีย 4 วันคุยเรื่องความมั่นคง ทั้งการแก้ไขปัญหายูเครน และการสร้างเสถียรภาพในเอเชีย-แปซิฟิก
ตามคำแถลงของทั้งสองฝ่าย ซัลลิแวน พบกับหวัง คราวนี้ที่มอลตาในวันเสาร์ (16) และวันอาทิตย์ (17) ที่ผ่านมา โดยพวกผู้สังเกตการณ์มองว่าถือเป็นความพยายามล่าสุดในการผ่อนคลายความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจ และอาจเป็นการปูทางสำหรับการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงปลายปีนี้
คำแถลงที่ออกมาในวันอาทิตย์ (17) จากฝ่ายทำเนียบขาวและจากกระทรวงการต่างประเทศจีนดูจะมีเนื้อหาไปในทางเดียวกันว่า การหารือดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา จริงจังและสร้างสรรค์ ในระหว่างการประชุมกันหลายรอบในวันเสาร์และอาทิตย์
กระทรวงการต่างประเทศจีนบอกว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันให้คงการแลกเปลี่ยนระดับสูงและจัดการหารือทวิภาคีเกี่ยวกับกิจการเอเชีย-แปซิฟิก กิจการทางทะเล และนโยบายการต่างประเทศ
ทางอเมริการะบุว่า ต้องการแข่งขันกับจีนโดยอิงกับกฎที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ทว่า ปักกิ่งแย้งว่า แม้ชวนเชิญแข่งขัน แต่อเมริกากลับพยายามกดดันและปิดกั้นการเติบโตของจีน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า วอชิงตันบอกกับจีนว่า พร้อมร่วมมือในด้านการปราบปรามยาเสพติด ปัญญาประดิษฐ์ และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ แม้แสดงความกังวลกับการที่จีนให้การสนับสนุนรัสเซีย และการที่ปักกิ่งส่งเครื่องบินรบบินข้ามเส้นแบ่งในช่องแคบไต้หวันถี่ยิบในระยะนี้ก็ตาม
ทางฝ่าย หวัง เตือนว่า ประเด็นไต้หวันเป็น “เส้นแดงที่ห้ามข้ามผ่านในความสัมพันธ์จีน-อเมริกา” และสำทับว่า พัฒนาการของจีนมีโมเมนตัมภายในที่แข็งแกร่งและไม่อาจหยุดยั้งได้
คำแถลงของทำเนียบขาวกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า อเมริการับรู้ความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน โดยซัลลิแวนยืนยันกับ หวัง ว่า การสนับสนุนไต้หวันของอเมริกาจะไม่ขยายไปเป็นการสนับสนุนการประกาศเอกราช อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า วอชิงตันคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานะดั้งเดิมฝ่ายเดียวไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม
หวัง อี้ ไปรัสเซีย
ในเวลาต่อมา ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนออกคำแถลงระบุว่า ตั้งแต่วันจันทร์ (18) หวังเดินทางไปเยือนรัสเซียเป็นเวลา 4 วัน เพื่อปรึกษาหารือเรื่องความมั่นคง ตามคำเชิญของ นิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
หลังจากนั้น ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันตามปกติเมื่อวันจันทร์ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนอธิบายว่า การเยือนของ หวัง คราวนี้เป็น “เหตุการ์กิจวัตรปกติ” ที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาการของความสัมพันธ์ทวิภาคี และดำเนินการสื่อสารเชิงลึกในประเด็นสำคัญๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสนใจด้านความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศทั้งสอง
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้จัดการบรรยายสรุประบุว่า หวังจะพบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศเซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย โดยทั้งฝ่ายวางแผนโฟกัสความพยายามไปที่การเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ความร่วมมือกันในระดับระหว่างประเทศ
“จะมีการแลกเปลี่ยนทัศนะกันอย่างลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขปัญหาในยูเครน ตลอดจนหนทางในการสร้างความมั่นใจให้แก่เสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” โฆษกผู้หนึ่งของทางรัสเซียบอก
ไต้หวันโวยจีนส่งเครื่องรบกว่าร้อยลำบินรอบเกาะ
อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (18) กระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงเรียกร้องให้จีนยุติการกระทำฝ่ายเดียวที่เป็นอันตรายทันที หลังจากตรวจพบเครื่องบินรบจีนจำนวน 103 ลำรอบเกาะไต้หวันในช่วง 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์
คำแถลงระบุว่า การล่วงละเมิดทางทหารอย่างต่อเนื่องของจีนอาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลุกลามและบ่อนทำลายความมั่นคงภายในภูมิภาค
กระทรวงกลาโหมไต้หวันแจงว่า ในบรรดาเครื่องบินรบที่ตรวจพบ มี 40 ลำข้ามเส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน ที่เคยถือเป็นเส้นแบ่งแดนของทั้งสองฝ่ายอย่างไม่เป็นทางการ และเข้าสู่ทางตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน
ทางฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศจีนไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เหมา หนิง โฆษกกระทรวงฯ ยืนยันว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน
คำแถลงล่าสุดของไทเปมีขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วไต้หวันอ้างว่าตรวจพบเครื่องบินรบของจีน 68 ลำและเรือของกองทัพเรือจีน 10 ลำรอบเกาะไต้หวันระหว่างเช้าวันพุธถึงเช้าวันพฤหัสฯ (13-14 ก.ย.) โดยที่เครื่องบินและเรือบางลำมุ่งหน้าไปทางตะวันตกของแปซิฟิกเพื่อฝึกซ้อมร่วมทางอากาศและทางทะเลกับเรือบรรทุกเครื่องบิน “ซานตง”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จีนแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กองทัพอยู่ในสถานะเตือนภัยระดับสูงหลังจากเรือรบสองลำของอเมริกาและแคนาดาแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)