MGR Online - 40 องค์กรไทใหญ่จากหลายประเทศทั่วโลกออกแถลงการณ์ประณามทหารกองทัพตะอั้ง นำรถบูลโดเซอร์มาไถรื้อทำลายแนวกำแพงและคูเมืองโบราณตั้งแต่สมัยเจ้าเสือข่านฟ้าเมื่อ 700 ปีก่อน จนราบเป็นหน้ากลอง ชี้เป็นการทำลายสถานที่ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตใจชาวไตทุกคน ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม จี้ให้นำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ
วันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา องค์กรชาวไตและชาวไทใหญ่รวม 40 องค์กร ทั้งที่อยู่ในรัฐชาน รัฐคะฉิ่น และอีกหลายประเทศทั่วโลก ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอั้ง (Ta’ang National Liberation Army : TNLA) ซึ่งได้ส่งกำลังทหารเข้ารื้อทำลายสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีคุณค่าทางจิตใจของชาวไตทุกคน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ทหารตะอั้งพร้อมเครื่องจักรกลหนัก รถบูลโดเซอร์ตีนตะขาบ ได้เข้าไถรื้อ ทำลายกำแพงและแนวคูเมืองเก่าแก่ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่เขตทุ่งมาว เมืองเจ้ล่าน จังหวัดหมู่เจ้ ภาคเหนือของรัฐชาน ที่มีชายแดนติดกับเขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนาน จนราบเป็นหน้ากลอง โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่
คูเมืองและกำแพงเมืองเก่าแก่แห่งนี้ถูกสร้างเพื่อแสดงอาณาเขตของเมืองโบราณตั้งแต่สมัยอาณาจักรไตมาว ที่มีเจ้าเสือข่านฟ้าเป็นพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาในพื้นที่เมืองโบราณได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากชาวไตและไทใหญ่ ทั้งที่อยู่ในจังหวัดหมู่เจ้ และชาวไตมาวจากเขตปกครองตนเองเต๋อหง ภายในเมืองโบราณยังมีลานหอแสงเจ้าเสือข่านฟ้า ซึ่งทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันเพ็ญแรกของปีไทใหญ่ จะมีชาวไตและชาวไทใหญ่จากหลายพื้นที่มาร่วมทำบุญรำลึกถึงบุญคุณของเจ้าเสือข่านฟ้าที่สามารถรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าเป็นอาณาจักรไตอันเป็นปึกแผ่น
เจ้าเสือข่านฟ้า (พ.ศ.1833-1908) เป็นวีรกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวไต ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เมืองมาวโหลงเมื่อ พ.ศ.1854 ขณะที่มีอายุเพียง 21 ปี ระหว่างครองราชย์กว่า 50 ปี เจ้าเสือข่านฟ้าสามารถรวบรวมรัฐของคนไตที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ เข้าเป็นอาณาจักรเพียงหนึ่งเดียว คืออาณาจักร “มาวโหลง” หรือ “มาวหลวง”
ขอบเขตอำนาจของอาณาจักรมาวโหลงที่เจ้าเสือข่านฟ้ารวบรวมไว้ได้กว้างขวาง ครอบคลุมไปถึงแผ่นดินยูนนาน รัฐชาน เมียนมา แคว้นอัสสัม และล้านนา อย่างไรก็ตาม อาณาจักรมาวโหลงดำรงอยู่ได้เพียงประมาณ 113 ปี ก็เริ่มเสื่อมอำนาจ เนื่องจากจีนได้แผ่อิทธิพลลงมา และเมื่อเข้าสู่ยุคของการเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ ดินแดนที่เคยเป็นของคนไตเหล่านี้ก็ถูกขีดเส้นแบ่งแยกไปขึ้นกับประเทศต่างๆ เข่น จีน พม่า และอินเดีย ในปัจจุบัน
ในเอกสารแถลงการณ์ซึ่งถูกพิมพ์เป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทใหญ่ ภาษาพม่า และภาษาอังกฤษ ระบุว่า การกระทำของทหารตะอั้งครั้งนี้ นอกจากทำลายโบราณสถานอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณของชาวไทใหญ่แล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจของชาวไตและไทใหญ่ทุกคนที่เคารพนับถือเจ้าเสือข่านฟ้า รวมถึงยังเป็นการละเมิดปฏิญญาสหประชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง (UNDRIP) ข้อที่ 30
นอกจากนี้ เนื่องจากกองทัพตะอั้ง (TNLA) ได้มีความขัดแย้งและกำลังมีการสู้รบอยู่กับกองทัพของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS/SSA) หรือกองทัพรัฐชานใต้ การกระทำของทหารตะอั้งครั้งนี้ จึงถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law : IHL) และถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
เนื้อหาในแถลงการณ์ได้เน้นย้ำว่า ปัจจุบัน แม้หลายพื้นที่ของพม่ามีความขัดแย้งและเกิดการสู้รบกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่ม แต่ทุกความขัดแย้งต่างให้ความเคารพพื้นที่ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการสู้รบที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งต่างหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบกับสถานที่เหล่านี้
ดังนั้น องค์กรชาวไตและไทใหญ่ทั้ง 40 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของทหารกองทัพตะอั้งในครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ตะอั้ง และผู้บัญชาการกองทัพตะอั้ง นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเด็ดขาด.