เอเอฟพี - น้ำท่วมและดินถล่มที่เกิดจากฝนมรสุมในพม่าได้คร่าผู้คนไปแล้ว 5 ราย และต้องอพยพผู้คนอีกราว 40,000 คน ตามการระบุของเจ้าหน้าที่พม่า วันนี้ (11)
รัฐยะไข่ ที่เผชิญกับพายุไซโคลนโมคาไปเมื่อเดือน พ.ค. เวลานี้หลายหมู่บ้านและพื้นที่เพาะปลูกจมอยู่ใต้น้ำสีน้ำตาลขุ่น
โดยปกติแล้ว พม่าจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลานี้ทุกปี แต่สภาพอากาศสุดขั้วเกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เล ฉ่วย ซิน อู ผู้อำนวยการในสังกัดกระทรวงสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์ และการตั้งถิ่นฐานของพม่า กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และได้อพยพประชาชนไปแล้วประมาณ 37,000 คนทั่วพม่า และคาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 คน ในวันนี้ (11)
“หน่วยงานของเรากำลังส่งมอบสิ่งจำเป็นต่างๆ ให้ครัวเรือนที่ต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในค่ายพักแรมชั่วคราว” เล ฉ่วย ซิน อู กล่าว
น้ำท่วมเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.ค. และส่งผลกระทบต่อรัฐและภูมิภาค 9 แห่งของประเทศ รวมถึงยะไข่ กะฉิ่น กะเหรี่ยง มอญ และชิน
ในรัฐกะเหรี่ยง ดินถล่มทำให้ทางหลวงสายสำคัญที่เชื่อมเมืองที่อยู่ติดกับชายแดนไทยถูกตัดขาด ซึ่งรัฐบาลทหารกล่าวว่าอาจใช้เวลาราว 1 เดือนในการสร้างสะพานชั่วคราว
พม่าตกอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งนองเลือดระหว่างรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจในการรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.2564 กับกองกำลังติดอาวุธพลเรือนที่ต่อต้านการปกครองของทหาร
ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น มีประชาชนมากกว่า 3,800 คน ถูกสังหารนับตั้งแต่การรัฐประหาร ตัวเลขที่รัฐบาลทหารระบุไว้ที่ 5,000 คน
สหประชาชาติวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างรุนแรงต่อการจัดการกับผลพวงของพายุไซโคลนโมคา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 148 คน และทำลายบ้านเรือนจำนวนมาก และยังประณามรัฐบาลทหารที่ปฏิเสธจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว.