MGR Online - เขื่อนกั้นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงในภาคเหนือของลาวเริ่มทยอยระบายน้ำที่สูงขึ้นจากฝนที่ตกหนักหลายวัน หลังเขื่อนน้ำคาน 2-3 ปล่อยน้ำออกมาเมื่อวันก่อน วานนี้เขื่อนน้ำฮุ่ง 1 เขื่อนน้ำอู 4 เริ่มระบายน้ำออกมาแล้ว ด้านเมืองมรดกโลกหลวงพระบางเจอวิกฤตซ้ำซ้อน น้ำจากเขื่อนน้ำคานไหลท่วมตู้ไฟฟ้าโรงผลิตน้ำประปา จนต้องหยุดผลิตน้ำป้อนให้ตัวเมืองชั่วคราว จนกว่าน้ำคานจะลดลง
ขณะที่ทั่วทั้งประเทศลาวกำลังเผชิญกับฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจนเกิดภาวะน้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม ถนน สะพานขาดหลายสาย แต่ที่เมืองมรดกโลกหลวงพระบาง ผลกระทบจากฝนกลับเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากหลายพื้นที่ในเมืองหลวงพระบางกำลังประสบกับภาวะน้ำประปาไม่ไหล
โดยช่วงเช้าวานนี้ (7 ส.ค.) รัฐวิสาหกิจน้ำประปา แผนกโยธาธิการและขนส่ง แขวงหลวงพระบาง ได้ออกหนังสือแจ้งการเลขที่ 3802/นปผ.หลบ. เรื่องการหยุดผลิตน้ำประปาชั่วคราว ระบุว่า รัฐวิสาหกิจน้ำประปาแขวงหลวงพระบาง จำเป็นต้องหยุดผลิตน้ำประปาเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากระดับน้ำคานที่สูงขึ้นได้ท่วมตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าของโรงงานผลิตน้ำประปาบ้านพิกน้อย ทำให้ต้องหยุดเดินเครื่อง และจะกลับมาผลิตน้ำประปาป้อนให้เมืองได้อีกครั้งเมื่อระดับน้ำคานลดต่ำลงมาแล้ว
ในหนังสือแจ้งการ ระบุพื้นที่ซึ่งจะไม่มีน้ำประปาใช้ช่วงนี้ ประกอบด้วย ในเขตหลวงพระบาง มีบ้านพิกน้อย บ้านนุนสะหวาด บ้านกกงิ้ว สถานีรถไฟฟ้าหลวงพระบาง ส่วนในเขตเมืองเชียงเงิน มีบ้านแอนสะหวันกับบ้านห้วยเชียง
ก่อนหน้านี้ บริษัทผลิต-ไฟฟ้าลาว มหาชน ได้แจ้งว่า จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนผลิตไฟฟ้าน้ำคาน 2 และ 3 ในเมืองเชียงเงินจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ผ่านทางระบายน้ำล้น (spillway) โดยได้เริ่มระบายน้ำตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันที่ 6 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา มีปริมาณน้ำที่ถูกปล่อยลงมาเพิ่มขึ้น 198 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำคานช่วงท้ายเขื่อนจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม และในบางจุดอาจสูงขึ้นอีกถึง 2 เมตร
แม่น้ำคานมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่แขวงหัวพัน ชายแดนลาว-เวียดนามในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาว จากนั้นไหลลงมาทางทิศตะวันตก ผ่านแขวงเชียงขวาง เข้าสู่แขวงหลวงพระบาง และไหลลงแม่น้ำโขงในตัวเมืองหลวงพระบางบริเวณใกล้กับวัดเชียงทอง
นอกจากเขื่อนน้ำคาน 2-3 ที่มีการระบายน้ำออกมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมแล้ว ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงก่อนหน้ายังทำให้เขื่อนผลิตไฟฟ้าอีกหลายแห่งที่สร้างกั้นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงในภาคเหนือของลาวกำลังเริ่มระบายน้ำเพิ่มเติมออกมาด้วยเช่นกัน โดยตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของเมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) เขื่อนน้ำฮุ่ง 1 ในแขวงไซยะบูลี ได้เริ่มปล่อยน้ำผ่าน spillway ซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำฮุ่งช่วงท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น
แม่น้ำฮุ่ง มีต้นกำเนิดอยู่บนเทือกเขาชายแดนลาว-ไทย ฟากตะวันตกของลาว ฝั่งตรงข้ามเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน จากนั้นไหลคดเคี้ยวไปทางทิศตะวันออกผ่านตัวเมืองไซยะบูลี และวกลงทางใต้ไปบรรจบแม่น้ำโขงที่บ้านปากฮุ่ง ซึ่งอยู่ใต้จากเขื่อนไซยะบูลีลงมาเล็กน้อย
ทางภาคเหนือ ที่แขวงผ้งสาลี เมื่อวานนี้เช่นกัน เขื่อนน้ำอู 4 ในเมืองขวา เริ่มระบายน้ำผ่าน spillway ออกมาแล้ว มีการแจ้งเตือนชุมชนที่อยู่ท้ายเขื่อนให้เพิ่มความระมัดระวัง ระดับน้ำอูที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากน้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนน้ำอู 4
โครงการผลิตไฟฟ้าน้ำอูเป็นสัมปทานที่รัฐบาลลาวมอบให้บริษัท Power Construction Corporation of China หรือ Power China ด้วยการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำอู 7 แห่ง ลดหลั่นลงมาตามลำดับความสูงของพื้นที่ ตั้งแต่แขวงผ้งสาลี ลงมาถึงแขวงหลวงพระบาง โดยเขื่อนน้ำอู 1 2 และ 3 อยู่ในแขวงหลวงพระบาง ส่วนเขื่อนน้ำอู 4 5 6 และ 7 อยู่ในแขวงผ้งสาลี ทั้ง 7 เขื่อน เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มกำลังเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564
แม่น้ำอูยาว 475 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นจากลำห้วยเล็กๆ ในมณฑลยูนนานของจีน ไหลลงมาผ่านชายแดนลาว-จีนที่เมืองยอดอู แขวงผ้งสาลี จากนั้นไหลงใต้ ผ่านแขวงอุดมไซ แขวงหลวงพระบาง และไหลลงแม่น้ำโขง ที่เมืองปากอู ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวงพระบาง
น้ำที่ถูกระบายออกจากเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่สร้างกั้นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงทั้ง 4 แห่ง กำลังไหลลงมาแม่น้ำโขง ซึ่งจะมีผลทำให้ระดับน้ำโขงตั้งแต่แขวงหลวงพระบาง แขวงไซยะบูลี ลงมาเพิ่มสูงขึ้น.