เอเอฟพี - วาติกันและรัฐบาลเวียดนามก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นในการปรับปรุงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างกัน ด้วยการเห็นพ้องอนุญาตให้มีผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปา หรือเอกอัครสมณทูตประจำประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
การประกาศร่วมกันของข้อตกลงถึงสถานะและสำนักงานของเอกอัครสมณทูตประจำประเทศ มีขึ้นหลังการพบหารืออย่างเป็นทางการระหว่างประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในวันพฤหัสฯ (27)
หวอ วัน เถือง ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีในเดือน มี.ค. โดยสมัชชาแห่งชาติของเวียดนาม ยังได้หารือกับพระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน เลขาธิการแห่งนครรัฐวาติกัน
วาติกันและเวียดนามไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตตามปกติมาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 2518 ที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ขับไล่คณะเอกอัครสมณทูต
แต่คณะทำงานร่วมได้ประชุมหารือกันมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อปูทางสู่ความสัมพันธ์ทวิภาคีในระดับปกติ โดยกลุ่มได้พบหารือกันเป็นครั้งที่ 10 ที่วาติกันเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
“ทั้งสองฝ่ายแสดงความขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับความก้าวหน้าที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและสันตะสำนัก และการสนับสนุนเชิงบวกของชุมชนคาทอลิกในเวียดนามจนถึงปัจจุบัน” คำแถลงร่วมระบุ
ผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปาคนใหม่จะเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและสันตะสำนัก คำแถลงระบุ
ทั้งนี้ เวียดนามมีชาวคาทอลิกประมาณ 6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 6 ของประชากร แต่คิดเป็นร้อยละ 45 ของผู้นับถือศาสนา.