MGR ออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา กล่าวว่า ประชาชนที่ไม่ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะมีขึ้นอาจถูกชุมชนโดดเดี่ยว และอาจถูกมองว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอดีตผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหากบฏ และลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส
ผู้นำเขมรกล่าวปราศรัยกับคนงานโรงงานเกือบ 20,000 คน ใน จ.ตาแก้ว และได้เตือนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 ก.ค. ที่มีพรรคการเมือง 18 พรรคเข้าแข่งขันเพื่อชิงที่นั่งในสภา
แม้ว่าพลเมืองกัมพูชามีสิทธิเลือกว่าจะลงคะแนนเสียงหรือไม่ลงคะแนนเสียง แต่ผู้ที่เลือกไม่ลงคะแนนเสียงอาจถูกมองว่าแปลกแยก และอาจถูกชุมชนและคนอื่นๆ มองว่าเกี่ยวข้องกับ ‘กลุ่มคนทรยศ’ ฮุนเซนกล่าว
“หาก 98 ครอบครัวจากทั้งหมด 100 ครอบครัวในหมู่บ้านไปลงคะแนนเสียง แต่มี 2 ครอบครัวที่คว่ำบาตรการเลือกตั้ง การกระทำของพวกเขาอาจถูกมองว่าเป็นการต่อต้านการเลือกตั้ง และอาจถูกเชื่อมโยงกับผู้ทรยศรุ่นที่ 3” ฮุนเซน กล่าว โดยอ้างถึงสม รังสี
“พวกเขาจะพบว่าใช้ชีวิตได้ยากลำบากในชุมชนที่พวกเขาอยู่อาศัย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะใช้สิทธิทางการเมืองของพวกคุณ” ผู้นำเขมรกล่าว
“การลงคะแนนเสียงให้พรรคที่คุณชอบ นั่นคือประชาชนกำลังลงคะแนนเสียงเพื่อความสงบสุขและเสถียรภาพของประเทศ และตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งนั้นก็คือการลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาชนกัมพูชา” ฮุนเซน กล่าว
ในการกล่าวปราศรัย ฮุนเซนกล่าวว่าเขามุ่งมั่นที่จะกำจัดนักการเมืองหัวรุนแรงที่พยายามทำลายเศรษฐกิจประเทศเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
“สิ่งที่เรียกว่าฝ่ายค้านมักจะบอกให้ประเทศอื่นๆ หยุดลงทุนหรือซื้อสินค้าจากกัมพูชา และกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับกัมพูชา เราจะตอบโต้พวกหัวรุนแรงเหล่านี้ กัมพูชาจะกำจัดคนเหล่านี้ที่พยายามทำลายชาติของตัวเอง” ฮุนเซน กล่าว
เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการที่เป็นกลางเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมในกัมพูชา ระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคม สมาคม และพรรคการเมือง ต้องสนับสนุนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินชะตาของประเทศ แต่ไม่ควรบังคับหรือกดดัน
“เราสนับสนุนให้พวกเขาแสดงเจตจำนงในการลงคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใดๆ ก็ตามที่พวกเขาชื่นชอบเพราะมันเป็นสิทธิของพวกเขา” เจ้าหน้าที่ระบุ และว่าผู้ที่ไม่ลงคะแนนเสียงไม่ควรถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องกับสม รังสี เสมอไป บางคนอาจยุ่งหรือไม่ว่างที่จะลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง.