เอพี - พรรคฝ่ายค้านพรรคหลักของกัมพูชาถูกสั่งห้ามร่วมลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ค.นี้ หลังสภารัฐธรรมนูญปฏิเสธที่จะกลับคำตัดสินของคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ ที่ไม่ลงทะเบียนให้พรรคเนื่องจากปัญหาด้านเอกสาร
พรรคแสงเทียน ที่เป็นผู้ท้าชิงที่น่าเชื่อถือเพียงพรรคเดียวต่อพรรคประชาชนกัมพูชา ที่เป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น แพ้อุทธรณ์จากการร้องเรียนที่ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามการระบุของสภารัฐธรรมนูญ โดยการตัดสินครั้งนี้ถือเป็นสิ้นสุด และไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีก
ทั้งนี้ ศาลกัมพูชาถูกมองอย่างกว้างขวางว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และพรรคประชาชนกัมพูชาของเขา
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติปฏิเสธที่จะลงทะเบียนพรรคแสงเทียน โดยระบุว่า พรรคไม่สามารถจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นได้ และไม่กี่วันต่อมาพรรคได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสภารัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ยกเลิกคำตัดสินของคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าว
โฆษกของพรรคแสงเทียนกล่าวว่า เขาเสียใจต่อคำตัดสินของสภารัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคทั่วประเทศไม่สามารถลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครที่พวกเขาต้องการได้
“การไม่มีพรรคแสงเทียนในการเลือกตั้งหมายความว่าเสียงของประชาชนจะถูกเพิกเฉย เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” โฆษกของพรรคแสงเทียน กล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าจะไม่ส่งผู้สังเกตการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อเป็นพยานในการเลือกตั้ง และรู้สึกหนักใจอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจดังกล่าวที่ห้ามพรรคแสงเทียนเข้าร่วมการเลือกตั้ง
“การดำเนินการทางกฎหมายที่หลอกลวง การข่มขู่ คุกคาม และข้อกล่าวหาทางอาญาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองซึ่งมุ่งเป้าที่พรรคฝ่ายค้าน สื่ออิสระ และภาคประชาสังคม บ่อนทำลายความมุ่งมั่นของกัมพูชาที่จะพัฒนาเป็นประชาธิปไตยแบบหลายพรรค” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ
สหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาเปลี่ยนแนวทางเพื่อให้แน่ใจว่าพลเมืองของประเทศสามารถมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่เป็นธรรม
ชาวกัมพูชาราว 9.7 ล้านคน ลงทะเบียนเพื่อร่วมลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ค. ที่จะเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 125 คน มีพรรคการเมือง 18 พรรคยื่นจดทะเบียนและได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่การไม่มีพรรคแสงเทียน ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียงพรรคของฮุนเซน พันธมิตรของเขา และพรรคขนาดเล็กเข้าร่วมลงแข่งขันเท่านั้น
พรรคประชาชนกัมพูชา กุมอำนาจมานานหลายทศวรรษและควบคุมรัฐบาลเกือบทุกระดับ ฮุนเซน วัย 70 ปี ผู้ปกครองเผด็จการในรัฐประชาธิปไตยเพียงในนาม ครองตำแหน่งผู้นำมานานถึง 38 ปี
เขาและพรรคของเขากุมความได้เปรียบทั้งหมดก่อนการเลือกตั้ง ทั้งการจัดการทางการเมือง บุคลากร เงินทุน และอิทธิพลสื่อ พล.อ.ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของฮุนเซน ได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนบิดาของเขาหลังการเลือกตั้ง
พรรคแสงเทียน เป็นผู้สืบทอดอย่างไม่เป็นทางการของพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่เป็นความท้าทายอย่างแท้จริงต่อพรรคของฮุนเซนก่อนการเลือกตั้งปี 2561 แต่พรรคกู้ชาติกัมพูชาโดนยุบพรรคไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งตามคำตัดสินของศาล ที่กล่าวหาว่าพรรควางแผนโค่นล้มรัฐบาล
การยุบพรรคฝ่ายค้านดังกล่าว ทำให้พรรครัฐบาลชนะทุกที่นั่งในสภา ซึ่งชาติตะวันตกประกาศว่าการเลือกตั้งดังกล่าวไม่เสรีหรือเป็นธรรม และกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างเบาๆ ตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปัจจุบัน สมาชิกพรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่ลี้ภัยอยู่ต่างแดนเพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุกในข้อหาต่างๆ ที่พวกเขากล่าวว่าถูกกุขึ้นและไม่ยุติธรรม.