เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าได้กล่าวในวันอังคาร (31) ว่าประเทศยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ เป็นเวลาเกือบ 2 ปีหลังการรัฐประหาร คำกล่าวที่ก่อให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับแผนการสำหรับการเลือกตั้ง และการยุติสถานการณ์ฉุกเฉิน
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้อยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจี โดยกล่าวหาว่ามีการโกงขนานใหญ่ระหว่างการเลือกตั้งที่พรรคของเธอได้ชัยชนะในปี 2563
สถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลทหารบังคับใช้มีกำหนดสิ้นสุดในสิ้นเดือน ม.ค. และคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่ากองทัพจะประกาศในวันพุธ (1) ว่าจะเตรียมการสำหรับการเลือกตั้ง
แต่สภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติได้ประชุมกันในวันอังคาร (31) หารือถึงสถานะของประเทศ และสรุปว่าประเทศยังไม่คืนกลับสู่ภาวะปกติ ทีมข้อมูลของกองทัพระบุในคำแถลง
ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหาร รวมถึงกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ที่ต่อต้านการรัฐประหาร และรัฐบาลเงาที่ดำเนินการโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคของซูจี ได้พยายามที่จะยึดอำนาจรัฐด้วยการก่อความไม่สงบและความรุนแรง คำแถลงระบุ
“ผู้ที่ต้องการทำลายล้างรัฐอย่างถึงที่สุดยังคงดำเนินกิจกรรมของพวกเขา ประกาศที่จำเป็นจะออกเผยแพร่ในวันพุธ (1)” คำแถลงระบุเสริม โดยไม่ได้ให้รายละเอียด
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เคยกล่าวว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อประเทศมีความสงบสุขและมีเสถียรภาพ
ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2551 ที่กองทัพร่างขึ้น ประธานาธิบดีที่ประสานงานกับสภาความมั่งคงและการป้องกันประเทศ สามารถขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปได้ 6 เดือน ตามคำร้องจากผู้นำกองทัพ
วิน มี้น อดีตประธานาธิบดีพลเรือนและพันธมิตรใกล้ชิดของซูจี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่การรัฐประหาร และถูกจำคุกจากข้อหาจำนวนมากโดยศาลรัฐบาลทหาร
ด้านรักษาการประธานาธิบดี อู มี้น ส่วย ได้เข้าร่วมการประชุมในวันอังคาร (31) ตามการระบุของกองทัพ
“เรายังไม่ทราบการตัดสินใจของที่ประชุม เราได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของ PDF ที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าในภูมิภาคต่างๆ” แหล่งข่าวทางทหารกล่าวกับเอเอฟพี
“ไม่ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะดำเนินต่อไปหรือไม่ เราจะอยู่ในค่ายทหาร เราต้องการให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน” แหล่งข่าวทางทหาร กล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารให้เวลาพรรคการเมืองที่มีอยู่และที่จะตั้งพรรค 2 เดือน ในการลงทะเบียนใหม่ภายใต้กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ที่เข้มงวด ในสัญญาณที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลทหารกำลังวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่ในปีนี้
แต่การต่อต้านด้วยอาวุธยังคงโหมกระหน่ำในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าผู้คนในหลายพื้นที่ไม่น่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเสี่ยงที่จะถูกตอบโต้หากทำเช่นนั้น
ด้านผู้แทนพิเศษสหประชาชาติกล่าวว่า การเลือกตั้งจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ความขัดแย้งยิ่งยืดเยื้อ และกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและเสถียรภาพยากขึ้น.