MGR Online - ชาวหมู่เจ้ต่อคิวยาว 1 ชั่วโมง ทำบัตรผ่านแดนเพื่อข้ามไปเมืองรุ่ยลี่ หลังทางการรัฐชานเพิ่งเปิดประตูเมือง 3 จุด ให้คนข้ามไปฝั่งจีนได้เมื่อวันที่ 25 มกราคม แม้ทางการยูนนานเปิดประตูรอมาตั้งแต่ 17 วันที่แล้ว เหตุขาดความพร้อม
วันที่ 26 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา บริเวณด้านหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอหมู่เจ้ ใกล้กับประตูช้างเผือก ในจังหวัดหมู่เจ้ ภาคเหนือของรัฐชาน มีประชาชนจำนวนมากพากันไปต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่เช้าตรู่ เข้าคิวทำบัตรอนุญาตผ่านแดนชั่วคราว (หนังสือแดง) เพื่อจะเดินทางข้ามแม่น้ำมาวเข้าไปในเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
โดยระยะแรกฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองหมู่เจ้จะทำบัตรอนุญาตข้ามแดนชั่วคราวให้เฉพาะชาวเมืองหมู่เจ้ และชาวอำเภอน้ำคำก่อน โดยคิดค่าใช้จ่ายคนละ 1,000-5,000 จั๊ต นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจ ATK หาเชื้อโควิด-19 ให้คนที่ต้องการข้ามไปฝั่งรุ่ยลี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ประสงค์จะข้ามฟากไปฝั่งจีนเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลากว่าจะผ่านทุกขั้นตอน ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละคนต้องเข้าแถวรอคิวอยู่ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะได้พบกับเจ้าหน้าที่
ทางการรัฐชานเพิ่งเปิดประตูเมือง 3 แห่ง ได้แก่ ประตูช้างเผือก ประตูหอคำโหลงหรือประตูฉ่วยนานดอ และประตูม่านเวียง ที่เชื่อมระหว่างหมู่เจ้กับเขตเจ้เก่า หรือเจี่ยเก้าในภาษาจีน ฝั่งเมืองรุ่ยลี่ อนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามไปทำธุระฝั่งเมืองรุ่ยลี่ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 หลังประตูข้ามเมืองทั้ง 3 จุด ถูกปิดตายมานานกว่า 3 ปี นับแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2563
ทางการมณฑลยูนนานได้สั่งปิดประตูเมืองทุกแห่งที่เชื่อมหมู่เจ้กับรุ่ยลี่ ห้ามทุกคนข้ามผ่านตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 กระทั่งรัฐบาลจีนได้ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และอนุญาตให้คนจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ทางการเขตปกครองตนเองเต๋อหงได้เปิดประตูเมืองทางฝั่งจีนรอเอาไว้แล้ว แต่ประตูฝั่งหมู่เจ้ ยังคงถูกปิด เนื่องจากทางการรัฐชานยังไม่พร้อม และเพิ่งมาเปิดประตูเมืองให้คนข้ามผ่านได้ในอีก 17 วันถัดมา
ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ชาวหมู่เจ้จำนวนมากได้ข้ามฝั่งไปทำงานอยู่ในเมืองรุ่ยลี่ ขณะที่ชาวรุ่ยลี่หลายครอบครัวส่งลูกหลานข้ามฝั่งมาเรียนหนังสือที่หมู่เจ้
ทั้งหมู่เจ้และรุ่ยลี่เคยเป็นเมืองเดียวกัน อยู่ภายใต้อาณาจักรมาวโหลง คำว่า “เจ้” ภาษาไตแปลว่ากระดาษ ชื่อ “หมู่เจ้” จึงเป็นการเรียกชุมชนตามอาชีพของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ ซึ่งมีอาชีพผลิตกระดาษจากเยื่อไม้
ประชากรหมู่เจ้ และรุ่ยลี่ในอดีตเป็นชาวไตมาว หรือไตเหนือ มีวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน การแต่งกายทุกอย่างเหมือนกับชาวไทใหญ่ในพื้นที่อื่นๆ ของรัฐชาน แตกต่างกันตรงที่ชาวไตมาวมีสำเนียงการพูดที่ห้วนและเร็วกว่า และใช้ตัวอักษรไตแบบถั่วงอกซึ่งตัวผอมบางกว่า ส่วนชาวไทใหญ่ในพื้นที่อื่นใช้ตัวอักษรไตแบบตัวกลม
คำว่าเต๋อหง (Dehong) ซึ่งถูกจีนใช้เรียกเขตปกครองตนเองแห่งนี้ มาจากคำว่า “ใต้คง” ในภาษาไต หมายถึงดินแดนที่อยู่ทางฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำคง ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของแม่น้ำสาละวิน
หลังมีการแบ่งแยกให้หมู่เจ้มาขึ้นกับรัฐชาน และรุ่ยลี่ไปขึ้นกับจีน ทั้ง 2 พื้นที่ใช้แม่น้ำมาวเป็นเส้นกั้นเขตแดน แม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดอยู่ในเขตเต๋อหง ไหลลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นแม่น้ำที่มีหลายชื่อ ช่วงที่อยู่ในจีนและถูกใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างหมู่เจ้-รุ่ยลี่ แม่น้ำสายนี้ถูกเรียกว่าแม่น้ำมาว หรือแม่น้ำรุ่ยลี่ในภาษาจีน แต่หลังไหลเข้าสู่เมืองน้ำคำ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำฉ่วยหลี (Shweli) จนไปบรรจบกับแม่น้ำอิรวดีที่ภาคสะกาย
เขตปกครองตนเองเต๋อหง ประกอบด้วย 5 อำเภอ หลัก ทั้ง 5 อำเภอต่างมีชื่อเรียกเป็นภาษาไต ได้แก่ อำเภอรุ่ยลี่ (Ruili) ชื่อไตว่า “เมืองมาว” อำเภอหมานซื่อ (Mangshi) ชื่อไตคือ “เมืองขอน” อำเภอหยิงเจียง (Ying Jiang) ชื่อไตคือ “เมืองหล้า” อำเภอเลียงเคอ (Lianghe) ชื่อไตคือ “เมืองตี” และอำเภอหล่งชวน (Long Chuan) ชื่อไตคือ “เมืองวัน”
ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีข้อมูลระบุว่า คนไตที่เหลืออยู่ในเขตปกครองตนเองเต๋อหง มีอยู่ประมาณ 1.3 ล้านคน.