ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเข้าพักที่โรมแรงแห่งหนึ่งในเมืองทางภาคเหนือของจีน ถึงกับช็อก เมื่อจู่ๆ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบุกเข้ามาในห้องพักของเธอตอนเที่ยงคืน ต่อมาโรงแรมอ้างว่าเหตุการณ์นี้เป็นแค่การเข้าใจผิดกัน และปฏิเสธขอโทษหรือจ่ายเงินชดเชยให้แก่เธอ
หนังสือพิมพ์ปักกิ่งนิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 16 มกราคม ว่า ผู้หญิงรายดังกล่าวร้องขอค่าชดใช้จากโรงแรมออล ซีซันส์ ในเมืองฮูเหอเฮ่าเท่อ เมืองเอกของเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ของจีน หลังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่งใช้มาสเตอร์คีย์เปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอในตอนเที่ยงคืนของวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ในขณะที่เธออยู่บนเตียงปิดไฟเตรียมเข้านอน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายดังกล่าว ซึ่งทำหน้าที่แทนแม่บ้านในคืนนั้นเข้ามาในห้อง วางจานผลไม้เอาไว้ แล้วเดินออกไป แต่ด้วยที่หญิงสาวอยู่ในห้องเพียงลำพัง มันทำให้เธอรู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างมาก
"ตอนราวๆ เที่ยงคืน ฉันได้ยินเสียงเคาะประตู ฉันถามว่าใคร และชายคนหนึ่งตอบว่าเขามาเสิร์ฟผลไม้ ฉันตอบกลับไปว่าฉันไม่ต้องการ เพราะฉันเข้านอนแล้ว" หนี่เล่า "อย่างไรก็ตามเขายังคงเปิดประตูโดยใช้คีย์การ์ดและเข้ามาในห้อง ฉันกลัวมาก เพราะว่าห้องมันมืดและมีเพียงแค่ไฟตรงเตียงนอนเท่านั้นที่เปิดอยู่"
เธอเล่าต่อว่า "ฉันถามเขาไม่หยุดว่าเขาต้องการอะไร และบอกกับเขาว่าฉันไม่ต้องการผลไม้ หลังจากนั้นราว 20 วินาที เขาก็เดินออกไป"
หนี่ ระบุว่า เหตุการณ์นี้สร้างความบอบช้ำทางจิตใจแก่เธอ และต้องการคำขอโทษจากโรงแรม รวมถึงค่าเสียหาย 20,000 หยวน (ราว 96,000 บาท)
เจ้าของโรงแรมซึ่งเป็นผู้ชาย อ้างว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปในห้องช่วงกลางดึกเพราะความเข้าใจผิด และปฏิเสธข้อเรียกร้องของ หนี่ ที่ขอให้กล่าวโทษต่อสาธารณะและจ่ายเงินชดเชย
ทางเจ้าของกล่าวหา หนี่ ว่าพยายามขู่กรรโชกโรงแรมจากความเข้าใจผิด และบ่งชี้ว่าจะเอาเธอขึ้นศาล หากว่าลูกค้าหญิงรายนี้ไม่พอใจกับการตัดสินใจของทางโรงแรม "มันอาจดึกไปเสียหน่อย แต่เขาเสิร์ฟทั้งหมดด้วยตนเอง ชั้นแล้วชั้นเล่า" เจ้าของระบุ
ผู้จัดการรายหนึ่งของโรงแรมยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลือกเวลาผิดไปเสียหน่อยสำหรับการเสิร์ฟผลไม้ แต่เขาบอกกับปักกิ่งนิวส์ ว่า แม้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขาดวิจารณญาณ ทว่าเขาก็เข้าไปในห้องหลังจากเคาะประตูแล้วและไม่มีเสียงขานรับ
"มันเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการจัดส่งผลไม้ หลังจากแม่บ้านเพื่อนร่วมงานลาออกไป "สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ ก็คือ เขาเคาะประตูหลังจาก 23.00 น. มันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะเคาะประตูหลัง 22.00 น." เขากล่าว
(ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์)