สปป.ลาว/เชียงราย - ลาวเตรียมรับนักท่องเที่ยวจีนจากด่านพรมแดนบ่อหาน-บ่อเต็น ตามนโยบายจีนเปิดประเทศ 8 มกราฯ เต็มที่ ขณะที่นักธุรกิจชายแดนเชียงของร้องไทยผ่อนปรนระเบียบเข้าเมืองหวังดึงจีนผ่านเส้นทาง R3a เข้าเชียงราย ปลุกท่องเที่ยวภาคเหนือกลับมาคึกคักอีกรอบ
หลังจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเปิดประเทศให้ชาวจีนเดินทางออกต่างประเทศได้ตั้งแต่ 8 ม.ค. 66 และมณฑลยูนนาน มีหนังสือแจ้งทางการ สปป.ลาว เมื่อวันที่ 4 มกราคมว่า จะเปิดด่านชายแดนบ่อหาน-บ่อเต็น ที่เชื่อมระหว่างเมืองบ่อหาน เขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา กับเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ที่ถูกปิดห้ามประชาชนเดินทางเข้า-ออก มาตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ด้วยเช่นกันนั้น
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ภายใน สปป.ลาว ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศจีนด้านมณฑลยูนนานและมีเส้นทางสามารถเชื่อมโยงมาถึง จ.เชียงราย ผ่านเส้นทาง R3a มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางเข้าออกอย่างคึกคัก และกรมการต่างประเทศได้แจ้งถึงกรมการกงสุลให้เตรียมความพร้อมในการเปิดด่านสากลกับ สปป.ลาว อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้ว
นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย และนักธุรกิจชายแดนเชียงของ จ.เชียงราย กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เคยมีนักท่องเที่ยวจีนอาศัยเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมมณฑลยูนนานผ่านถนนอาร์สามเอเข้ามาเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว และมายังแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ก่อนข้ามสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางด้วยรถยนต์เข้ามาเป็นจำนวนมากและใช้ระบบ Visa on Arrival (VOA) จนทำให้การท่องเที่ยวโดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทยคึกคักมาก
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีผู้ประกอบการไทยบางส่วนร้องเรียนว่ามีชาวจีนนำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาเองทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้วยังเช่า-ใช้กิจการต่างๆ ในเครือข่ายกันเอง เช่น ห้องพักโรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ จึงขอให้มีความเข้มงวด กระทั่งกระทรวงคมนาคมโดยกรมการขนส่งทางบกได้ออกมาตรการที่เข้มงวดต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางเข้าออกอย่างมาก ทำให้ก่อนถึงวิกฤตโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เคยมากันคึกคักลดลงเป็นศูนย์หรือเข้ามาน้อยมาก โดยชาวจีนหันไปเดินทางเข้าไทยทางเครื่องบินผ่าน จ.เชียงใหม่ หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน ทำให้ชายแดนด้าน อ.เชียงของ หรือภาคเหนือซบเซาจากนักท่องเที่ยวจีนลงถนัดตา และธุรกิจที่พักที่ อ.เชียงของ หลายแห่งประสบกับภาวะขาดทุน
นายสงวนกล่าวอีกว่า เมื่อรัฐบาลปักกิ่งประกาศจะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. 2566 อีกครั้ง ตนจึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับมาตรการให้รองรับโลกยุคใหม่ ใช้ระบบที่ทันสมัยรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาทางบกโดยเฉพาะถนนอาร์สามเอซึ่งใกล้กับจีนมากที่สุด โดยยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดเกินไปจนยากต่อการเดินทางเข้าไทย เช่น การต้องแจ้งการเดินทางเข้ามาล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน ฯลฯ หรือรายละเอียดอื่นๆ ที่ไม่สามารถทำที่ด่านพรมแดนได้
ส่วนผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยสามารถแก้ไขได้เหมือนกับมาตรการนำเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กำหนดให้มีรถนำหรือมีรถคอยให้บริการ แจ้งการเดินทางผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวกกว่าเดิม ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ภาคเหนือของไทยต้องเสียโอกาสจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากการที่ประเทศจีนเปิดประเทศครั้งใหม่ โดยเฉพาะ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ที่ยังคงเป็นเป้าหมายของชาวจีนที่ต้องการมาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ หรือแม้แต่สถานที่เดิมที่มีการพัฒนาตลอดเวลา เช่น วัดร่องขุ่น อ.เมืองเชียงราย ฯลฯ รวมทั้งยังเป็นการเตรียมรองรับถนนมอเตอร์เวย์ที่ทางการจีนและ สปป.ลาว กำลังมีแผนก่อสร้างขนานมากับเส้นทางอาร์สามเอด้วย
อนึ่ง นักท่องเที่ยวชาวจีนเคยนิยมนำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางมาเป็นกลุ่มๆ ผ่านถนนอาร์สามเอ จากมณฑลยูนนาน-แขวงหลวงน้ำทา-แขวงบ่อแก้ว เข้ามายัง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่มีระยะทางเพียงประมาณ 254 กิโลเมตร อย่างคึกคัก โดยในปี 2556 มีการเดินทางเข้ามาที่ อ.เชียงของ 21,631 คน นำรถยนต์เข้ามา 1,487 คันพ, ปี 2557 จำนวน 27,717 คน นำรถยนต์เข้ามา 4,883 คัน และปี 2558 มีจำนวน 43,555 คน นำรถยนต์เข้ามา 9,248 คัน โดยจะเข้ามามากที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือวันหยุดยาว
ต่อมาในปี 2559 พบว่ายังคงเข้ามาหนาแน่น เช่น เดือน ก.พ.จำนวน 19,299 คน นำรถยนต์เข้ามา 4,635คัน เดือน มิ.ย.จำนวน 1,229 นำรถยนต์เข้ามา 141 คัน ฯลฯ กระทั่งวันที่ 27 มิ.ย.2559 กระทรวงคมนาคมของไทย ประกาศระเบียบควมคุมการเข้ามาของรถนักท่องเที่ยวจีน โดยมีข้อกำหนดที่หลากหลาย เช่น ต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (นับรวมคนขับ) รถยนต์บรรทุก (กระบะ) ที่มีน้ำหนักรถรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม ให้นำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน ในรอบปีต้องไม่เกิน 60 วัน ต้องยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทย แจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ บางครั้งมีการอบรมทำใบขับขี่ให้คนขับชาวจีน ฯลฯ หลังจากนั้นเพียง 1 เดือนนักท่องเที่ยวชาวจีนแทบไม่เดินทางเข้ามาทาง อ.เชียงของ อีกเลยและหันไปท่องเที่ยวใน สปป.ลาว โดยเฉพาะวังเวียง หลวงน้ำทา ฯลฯ หรือเดินทางมาเยือนประเทศไทยทางเครื่องบินแทน