รอยเตอร์ - คำแถลงของรัฐบาลเวียดนามระบุว่า สมัชชาแห่งชาติได้ลงมติถอดรองนายกรัฐมนตรี 2 คน ออกจากตำแหน่ง ความเคลื่อนไหวที่นักวิเคราะห์สงสัยว่าเป็นการยกระดับครั้งใหม่ในการปราบปรามการทุจริตของประเทศ
ทั้งนี้ ยังไม่มีคำอธิบายถึงการตัดสินในของรัฐสภาในการถอดถอน ฝ่าม บิ่ง มีง และหวู ดึ๊ก ซาม แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศซึ่งปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์กำลังทวีความเข้มข้นในการต่อสู้กับการรับสินบน แม้จะมีความวิตกกังวลว่าการปราบปรามดังกล่าวกำลังทำให้การทำธุรกรรมตามปกติหยุดชะงัก เนื่องจากบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างกลัวว่าจะติดร่างแหในการไต่สวน
มีง และซาม ไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความเห็นจากรอยเตอร์ ทั้งคู่ไม่ได้ถูกจับกุมและไม่มีการตั้งข้อหากับพวกเขา
รัฐสภายังให้สัตยาบันแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม เจิ่น ห่ง ฮา และหัวหน้าพรรคของนครไฮฟอง (Hai Phong) เจิ่น ลือ กวาง เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่
หากการถอดถอนที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวโยงกับการปราบปรามการทุจริต พวกเขาจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดที่ตกเป็นเป้าจนถึงตอนนี้
การปราบปรามการทุจริตนำไปสู่การจับกุมรัฐมนตรีสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ระดับสูง และนักการทูตอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง
ฝ่าม บิ่ง มีง อายุ 63 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างปี 2554-2564 และเป็นรองนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2556
หวู ดึ๊ก ซาม อายุ 59 ปี ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในปี 2556 เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากความพยายามของเขาในการนำประเทศต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19
คาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตของเวียดนามจากโรงเรียนรวมเหล่าออสเตรเลียในกรุงแคนเบอร์รา กล่าวว่า การปลดออกจากตำแหน่งอาจเชื่อมโยงกับเรื่องอื้อฉาว 2 เรื่อง ที่ขัดขวางการจัดการโรคระบาดของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการรับสินบนที่เกี่ยวโยงกับการนำชาวเวียดนามที่ติดค้างในต่างประเทศเดินทางกลับประเทศและการจัดซื้อชุดตรวจโควิด-19
ในปลายเดือน ธ.ค. พรรคคอมมิวนิสต์ปลด ฝ่าม บิ่ง มีง ออกจากโปลิตบูโร ที่เป็นคณะผู้กำหนดนโยบายและมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด และถอดทั้งฝ่าม บิ่ง มีง และหวู ดึ๊ก ซาม ออกจากการเป็นสมาชิกในคณะกรรมการกลางพรรค
เมื่อเดือนที่แล้ว พรรคยังลงโทษทางวินัยกับ บุ่ย แถ่ง เซิน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงและนักการทูตหลายคนในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเที่ยวบินพาพลเมืองกลับประเทศ.