MGR Online - “มินอ่องหล่าย” ตรวจพื้นที่ก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวาย ส่งสัญญา๊เดินหน้าต่อให้สำเร็จ ชี้เป็นโครงการสำคัญที่ไม่เพียงส่งผลดีต่อพม่า แต่ยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประชาคมระหว่างประเทศ
ช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) และนายกรัฐมนตรี พม่า ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ในภาคตะนาวศรี รวมถึงไปดูสถานที่ชายหาดในเขตนะบูแล ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองทวายไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 17 ไมล์ หรือประมาณ 27 กิโลเมตร ซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย
อู อ่องไหน่อู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอู อ่องโซ ประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ได้รายงานต่อ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย โดยบอกเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และความล่าช้าของโครงการ
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย กล่าวหลังเสร็จสิ้นการรับฟังรายงาน โดยยืนยันจะเดินหน้าก่อสร้างโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวายให้เสร็จสมบูรณ์ เพราะโครงการนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของพม่า แต่ยังสร้างประโยชน์อย่างมากต่อประชาคมระหว่างประเทศ เพราะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ การค้า และการขนส่งสินค้าตามโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศบนภาคพื้นทวีปในอาเซียน ที่ประกอบด้วย พม่า ไทย กัมพูชา และเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีนักลงทุนกลุ่มใดที่จะมาเป็นผู้ลงทุนหลักของเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่โครงการนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ได้เคยส่งสัญญาณว่า จะเดินหน้าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวายให้สำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการสภาบริหารแห่งรัฐ ครั้งที่ 17/2021 ที่กรุงเนปีดอ
โดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ได้กล่าวต่อที่ประชุมในครั้งนั้นว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกทวายจะต้องเดินหน้าสร้างต่อให้เสร็จ เพราะเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่เขาไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อให้เสร็จอย่างไร
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 ก่อน พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย นำกำลังออกมาทำรัฐประหารเพียง 2 สัปดาห์ รัฐบาลของพรรค NLD โดยคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ได้ประกาศยกเลิกสัมปทานก่อสร้างและบริหารท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่รัฐบาลพม่าเคยให้ไว้กับบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) จากประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าโครงการไม่มีความคืบหน้า แม้เวลาได้ผ่านไปแล้วหลายปี และผู้ได้รับสัมปทานมีปัญหาในการจัดหาเงินทุน.