เอเอฟพี - โรฮิงญามากกว่า 80 คน ที่พยายามเดินทางทางเรือไปยังมาเลเซีย ถูกควบคุมตัวในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า หลังพวกค้ามนุษย์ทิ้งพวกเขาไว้ ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวด้านความมั่นคงวานนี้
ชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ และเผชิญกับการเลือกปฏิบัติมาอย่างยาวนาน รวมถึงถูกปฏิเสธสัญชาติ การดูแลสุขภาพ และการศึกษา
กลุ่มชาวโรฮิงญาที่รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก ถูกทางการจับกุมตัวเมื่อวันศุกร์ (4) ใกล้กับเมืองตันบูซายัตในรัฐมอญ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อกล่าวกับเอเอฟพี
“พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้สวนยาง หลังจากเรือที่พวกเขาโดยสารมาจากรัฐยะไข่ทิ้งพวกเขาไว้” แหล่งข่าวกล่าว และเสริมว่า พวกค้ามนุษย์ได้สัญญาว่าจะพาพวกเขาไปมาเลเซีย
มาเลเซีย ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของชาวโรฮิงญาที่หลบหนีการกดขี่ข่มเหง
เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวน และยังไม่ชัดเจนว่าชาวโรฮิงญากลุ่มนี้จะถูกตั้งข้อหาจากการเดินทางออกจากรัฐยะไข่หรือไม่ โดยชาวโรฮิงญาที่ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองอาจถูกจำคุก 2 ปีในพม่า
หน่วยงานด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ในนครย่างกุ้ง และกรุงเนปีดอปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่ากองทัพเรือพม่าพบชาวโรฮิงญา 120 คน บนเรือใกล้กับเมืองมูดน ในรัฐมอญ แหล่งข่าวระบุ
การปราบปรามของทหารพม่าในปี 2560 ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาราว 175,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศ และได้เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรม การลอบวางเพลิง และการข่มขืน
องค์การนิรโทษกรรมสากลเปรียบสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาในรัฐยะไข่ว่าเป็นการแบ่งแยกสีผิว
หลังเกิดการอพยพของคนจำนวนมาก พม่าเผชิญกับข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ศาลของสหประชาชาติ
และนับตั้งแต่การรัฐประหารในเดือน ก.พ.2564 พม่าตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย และมีพลเรือนถูกสังหารมากกว่า 2,400 คน ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น.