เอเอฟพี - กัมพูชากำลังชะลอการเปิดใช้อินเทอร์เน็ตเกตเวย์ที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการพูด โดยระงับการดำเนินการที่วางแผนไว้ในกลางสัปดาห์ เนื่องจากการหยุดชะงักที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เจ้าหน้าที่รัฐระบุวันนี้ (15)
นักเคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิของสหประชาชาติเรียกร้องให้ระงับโครงการดังกล่าว ที่จะควบคุมการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดผ่านช่องทางที่รัฐควบคุม โดยระบุว่าโครงการจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเสรีภาพในการแสดงออกและความเป็นส่วนตัว
“การใช้งานอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติจะถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการหยุดชะงักที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีกระทรวงโทรคมนาคมกล่าวกับเอเอฟพี และระบุว่า จะแจ้งให้ทราบเมื่อมีกำหนดวันใหม่ แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าส่วนหนึ่งของระบบได้เริ่มใช้งานไปแล้วหรือไม่
ในเช้าวันอังคาร (15) กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกคำแถลงโจมตีสื่อต่างประเทศที่รายงานวิพากษ์วิจารณ์โครงการนี้
โฆษกกระทรวงยืนยันว่าโครงการถูกจัดตั้งด้วยความโปร่งใสและมีการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญและสถาบันที่เกี่ยวข้อง และระบุว่าการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้การจัดเก็บรายได้ของประเทศดีขึ้น และยังช่วยขัดขวางอาชญากรรมไซเบอร์ การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย และการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต
“รัฐบาลเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการแสดงออก และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล” โฆษก ระบุ และกล่าวว่าข้อกล่าวหาที่ว่าทางการกัมพูชาจะเฝ้าติดตามและตรวจตรากิจกรรมทางอินเทอร์เน็ต สกัดกั้นและเซ็นเซอร์การสื่อสารดิจิทัล และรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ‘ไม่มีมูลความจริง’
ในปี 2564 มีชาวเขมรอย่างน้อย 39 คน ถูกจับ จำคุก หรือมีหมายจับจากการโพสต์ออนไลน์ที่ละเมิดการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล ตามการระบุของศูนย์สิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชา (CCHR)
โครงการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีขึ้นก่อนการเลือกตั้งปี 2566 และ CCHR กล่าวว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้รัฐบาลสามารถปิดกั้นความคิดเห็นที่เห็นต่างบนออนไลน์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้
องค์กรนักข่าวไร้พรมแดนประณามโครงการนี้ว่าเป็น “ระดับของการควบคุมข้อมูลที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่เผด็จการเขมรแดง”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า อินเทอร์เน็ตเกตเวย์อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเสรีภาพอินเทอร์เน็ต นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และภาคประชาสังคมในประเทศ และยังทำให้พื้นที่ของพลเมืองที่มีอยู่อย่างจำกัดอยู่แล้วในกัมพูชาลดน้อยลงไปอีก.