เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธในพม่าเผยว่ากองกำลังทหารของรัฐบาลทหารโจมตีนักสู้ของกลุ่มโดยฝ่าฝืนการหยุดยิง และกล่าวหาว่ากองทัพพยายามที่จะทำลายเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐ ที่เป็นพื้นที่เดียวของประเทศที่ไม่มีการปราบปรามเกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร
พม่าอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.2564 ด้วยการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างโหดเหี้ยม และการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นตามพื้นที่ชายแดนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
หลายวันหลังการรัฐประหาร รัฐบาลทหารยืนยันคำมั่นที่จะหยุดยิงกับกองทัพอาระกัน (AA) ที่จับอาวุธต่อสู้มานานหลายปีเพื่อสิทธิในการปกครองตนเองให้ประชากรชาวยะไข่ของรัฐยะไข่
เมื่อวันศุกร์ (4) กองกำลังรัฐบาลทหารบุกเข้าไปที่ฐานของกองทัพอาระกันในเมืองหม่องดอ ทำให้เกิดการปะทะกันนาน 3 ชั่วโมง โฆษกของกลุ่มกล่าวกับเอเอฟพี และระบุว่านักสู้ของฝ่ายตนถูกสังหาร 1 ราย
“มีความตึงเครียดทางทหารสูง ซึ่งอาจเกิดการปะทะขึ้นมาได้อีกทุกเวลา ดูเหมือนว่ากองทัพต้องการที่จะทำลายเสถียรภาพและความสงบสุขของรัฐยะไข่” โฆษกกองทัพอาระกัน กล่าว
ด้านโฆษกรัฐบาลทหารกล่าวว่า มีตำรวจชายแดนหลายนายถูกสังหารในเหตุการณ์โจมตีด้วยทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่กล่าวโทษกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาในพื้นที่สำหรับเหตุโจมตีดังกล่าว
“เรากำลังสอบสวนสถานการณ์ของกองทัพอาระกันที่นั่น” ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหาร กล่าว
การปะทะกันระหว่างกองทัพอาระกันและทหารของรัฐในปี 2562 ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 200,000 คนทั่วทั้งรัฐ ที่เป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดของประเทศ
หลังการรัฐประหาร รัฐบาลทหารยุติการปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตนาน 19 เดือนในรัฐที่มีประชากรราว 1 ล้านคน
ก่อนหน้านี้ กองทัพอาระกันรายงานว่านักสู้ของกลุ่มปะทะกับกองกำลังของรัฐบาลทหารในเดือน พ.ย.
รัฐยะไข่ เป็นที่อยู่ของทั้งชาวโรฮิงญาและชาวยะไข่ที่นับถือศาสนาพุทธที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของรัฐ ที่เป็นชนวนเหตุความขัดแย้งนานหลายทศวรรษ
ทหารขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 740,000 คน ออกจากรัฐ ในการปราบปรามปี 2560 ที่ผู้สอบสวนสหประชาชาติระบุว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังกล่าวหาทหารว่าก่ออาชญากรรมสงคราม รวมถึงการวิสามัญฆาตกรรมในการปราบปรามกองทัพอาระกันในเวลาต่อมาด้วย.