xs
xsm
sm
md
lg

ลาวเกิดเหตุสลด "ระเบิดสมัยสงครามอินโดจีน" คร่า 3 ชีวิตกลางสวนกาแฟ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 สภาพที่เกิดเหตุระเบิดของสหรัฐอเมริกาที่ตกค้างอยู่ในสวนกาแฟเมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก เกิดระเบิดขึ้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
MGR Onine - เกิดเหตุสลดรับวันเปิดใช้รถไฟลาว-จีน เมื่อกลไกระเบิดตกค้างที่สหรัฐอเมริกาทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีนเกิดทำงาน คร่าชีวิต 3 เจ้าหน้าที่เก็บกู้กลางสวนกาแฟในเมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่คนลาวทั่วประเทศต่างชื่นชมยินดีกับการเปิดให้บริการเป็นวันแรกของขบวนรถไฟลาว-จีน อยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ที่เมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก กลับเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้น เมื่อมีเจ้าหน้าที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับระเบิดตกค้างของสหรัฐอเมริกา ที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีน

เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลา 09.30 น. ทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดประจำเมืองปากซ่อง ได้ลงพื้นที่ทำงานภาคสนาม โดยเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้างในสวนกาแฟของท้าวคำเผย ที่บ้านหลัก 38 เมืองปากซ่อง

แม้ว่าทั้งหมดได้ปฏิบัติตามหลักวิชาการเฉพาะที่ได้ฝึกฝนมาอย่างดี แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกลไกระเบิดเกิดทำงาน และระเบิดขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด 3 ราย เสียชีวิตคาที่ ส่วนอีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทั้ง 5 ราย ล้วนเป็นชาวเมืองปากซ่องทั้งหมด


สำหรับผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย ท้าววงไซ อายุ 50 ปี อยู่บ้านวัดหลวง ท้าวสินนะกอน อายุ 42 ปี อยู่บ้านปากซ่อง และท้าวคอนวิไล อายุ 35 ปี อยู่บ้านวัดหลวง ส่วนผู้ที่บาดเจ็บ ได้แก่ ท้าววัดทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านพูดินแดง และท้าวพุดทะไซ อายุ 32 ปี อยู่บ้านปากซ่อง

สื่อและชุมชนออนไลน์แทบทุกแห่งในลาว ต่างเสนอข่าวนี้ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น โดยเพจ TARGET นิตยสารธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากฉบับหนึ่งของลาว ใช้คำพาดหัวข่าวเหตุการณ์นี้ว่า “ข่าวโศกเศร้าหลังวันชาติ ผลกระทบจากสงคราม ผ่านมาถึง 46 ปี ยังไม่สิ้นสุด”

ในช่วงสงครามอินโดจีน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ประกาศสงครามกับลาว แต่กลับส่งทหารเข้าไปปฏิบัติการและนำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดปูพรมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศลาว


เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อแก้ไขปัญหาระเบิดตกค้างในลาว ได้จัดพิธีส่งมอบระเบิดตกค้างและสรรพาวุธที่ปลดชนวนแล้วให้กระทรวงป้องกันประเทศ นำไปวางแสดงยังหอพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองทัพประชาชนลาว ในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เรียนรู้ถึงพิษภัยของสงคราม รวมถึงปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับการต่อสู้อันกล้าหาญของกองทัพประชาชนปฏิวัติลาวในอดีต

โจมแยง แพงทองสะหวัด หัวหน้าสำนักงาน คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อแก้ไขปัญหาระเบิดตกค้าง ได้กล่าวรายงานข้อมูลต่อแขกเหรื่อซึ่งเป็นบุคคลสำคัญจำนวนมากที่ได้รับเชิญมาร่วมในพิธี ว่า ลาวกลายเป็นสมรภูมิสู้รบที่ร้ายแรง ทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศ เมื่อคิดเฉลี่ยต่อจำนวนประชากรแล้ว ลาวเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดหนักที่สุดในโลก ในช่วงสงครามอินโดจีน ระหว่างปี 1964 ถึง 1973 (พ.ศ.2507-2516) โดยขณะนั้นประชากรลาวมีอยู่เพียงประมาณ 1 ล้านคน แต่สหรัฐอเมริกาได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดลงในแผ่นดินลาว คิดเป็นน้ำหนักรวมมากกว่า 2 ล้านตัน

“จักรวรรดิอเมริกาได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ดินแดนของลาวถึง 580,000 เที่ยว มีการทิ้งระเบิด 1 เที่ยว เฉลี่ยทุก 8 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 9 ปี มีระเบิดถูกทิ้งลงมามากกว่า 2 ล้านตัน ในนั้นเป็นระเบิดลูกหว่าน (Cluster Bomb) มากกว่า 270 ล้านลูก และคาดว่ามีประมาณ 30% หรือ 80 ล้านลูก เป็นระเบิดบ่ทันแตกที่ยังคงตกค้างอยู่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 87,000 ตารางกิโลเมตร เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของลาวมาจนถึงทุกวันนี้” เป็นเนื้อหาในคำกล่าวของหัวหน้าสำนักงาน คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อแก้ไขปัญหาระเบิดตกค้างในลาวในวันนั้น

สำหรับเมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีสภาพผืนดินอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของลาว โดยเฉพาะที่ราบสูงบอละเวน ทำให้มีกลุ่มทุนจำนวนมากทั้งคนลาวและต่างประเทศเข้าไปลงทุนทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำสวนกาแฟ ซึ่งที่นี่ถือเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟเพื่อการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของลาว.

พาดหัวข่าว “ผลกระทบจากสงคราม ผ่านมาถึง 46 ปี ยังไม่สิ้นสุด” จากเพจนิตยสาร TARGET


กำลังโหลดความคิดเห็น