รอยเตอร์ - ทหารที่ปกครองพม่าได้เสนอที่จะยกเว้นข้อหาต่อผู้ชุมนุมประท้วงบางคนที่เกี่ยวข้องในการเดินขบวนหรือผละงานประท้วง หากพวกเขามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ สื่อของรัฐรายงานวันนี้ (6)
ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้อยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีเมื่อ 6 เดือนก่อน ที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและขบวนการอารยะขัดขืนที่ทำให้กิจการบางส่วนของรัฐเป็นอัมพาต
นับตั้งแต่การรัฐประหาร กองกำลังความมั่นคงได้จับกุมคนไปแล้วมากกว่า 7,000 คน และมีหมายเรียกอีก 1,984 คน ตามการระบุของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง
หนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่า จะไม่มีการอภัยโทษให้แก่ผู้ที่ทางการต้องการตัวเนื่องจากก่ออาชญากรรม เช่น การฆาตกรรม วางเพลิง หรือโจมตีกองกำลังทหาร และยังกล่าวหาว่าสมาชิกพรรคของซูจีปลุกระดมการรณรงค์อารยะขัดขืน
“ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะกลับบ้านของตนเองอาจติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ต่อไปนี้ หรือสถานีตำรวจใกล้เคียง องค์การบริหารส่วนตำบล และอำเภอ” รายงานของสื่อระบุ
กองกำลังความมั่นคงได้ปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างโหดร้าย สังหารผู้คนหลายร้อยคนนับตั้งแต่การรัฐประหาร และแนวคิดเรื่องการมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ทหารถูกปฏิเสธจากบางคนที่กำลังหลบซ่อนตัวและถูกตั้งข้อหา
“มันอาจเป็นการจัดฉาก” ขิ่น มัต มัต นาย อายุ 35 ปี ที่ถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 505A ของประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดให้การแสดงความเห็นที่อาจก่อให้เกิดความหวาดกลัวหรือแพร่กระจายข่าวเท็จเป็นความผิด และมีโทษจำคุกสุงสุด 3 ปี
“พวกเขาเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขาพูดอยู่ตลอดเวลา เช่น การเลือกตั้งที่พวกเขาให้คำมั่นไว้” ทราเวลบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์อายุ 35 ปี กล่าว
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้ปกครองทหารของพม่า ได้ให้คำมั่นในสัปดาห์นี้ว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือน ส.ค.2566
ไม่นานหลังการรัฐประหาร ผู้นำรัฐบาลทหารได้สัญญาว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี และจากคำกล่าวนั้นทำให้สื่อท้องถิ่นบางรายตีความว่ารัฐบาลทหารขยายกรอบเวลาสำหรับการเลือกตั้งออกไปอีก 6 เดือน
สาย ตุน อายุ 33 ปี นักข่าวอิสระ ที่กำลังซ่อนตัวและถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 505A จากการถ่ายภาพการชุมนุมประท้วง ระบุว่ายังไม่มีแผนที่จะมอบตัว
“ตราบเท่าที่กองทัพยังอยู่ เราจะหลบหนีต่อไป” สาย ตุน ที่ถูกยิงขาในการชุมนุมประท้วง กล่าว และเขาหวังให้กองกำลังท้องถิ่นต่อต้านทหารสามารถยึดอำนาจกลับคืนมาได้ในท้ายที่สุด.