xs
xsm
sm
md
lg

เผลอไม่ได้! จีนล้อมรั้วล้ำแดนคะฉิ่น ชาวบ้านรวมตัวไล่รื้อทิ้งตลอดแนว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ภาพจากชาวบ้านในพื้นที่ ขณะไปช่วยกันรื้อรั้วที่ทางฝั่งจีนสร้างรุกล้ำเข้ามา
MGR Online - จีนอาศัยจังหวะโควิด-19 กลับมาระบาดใหม่ในพม่า แอบล้อมรั้วรุกล้ำแดนเข้ามาในเขตรอยต่อรัฐคะฉิ่น-รัฐขาน ชาวบ้านเห็นรีบรวมตัวไล่รื้อทิ้งยกแผง เผยชายแดนตั้งแต่คะฉิ่น หมู่เจ้ ลงไปถึงเขตโกก้าง เผลอเป็นไม่ได้ โวยจีนหาโอกาสตอดกินพื้นที่มาตลอด

วานนี้ (24 มิ.ย.) ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ในเขตรอยต่อระหว่างเมืองม่านเวงจี อำเภอหม่านสี่ จังหวัดพะโม รัฐคะฉิ่น กับเมืองหนองเตา อำเภอน้ำคำ จังหวัดหมู่เจ้ รัฐชาน ได้รวมตัวกันเพื่อรื้อแนวรั้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางฝั่งเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนาน ที่อยู่ตรงข้าม ได้นำคนงานมาล้อมไว้เป็นแนวยาว แต่ปรากฏว่าแนวรั้วได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของรัฐคะฉิ่นและรัฐชาน

รั้วซึ่งทางฝั่งจีนล้อมรุกล้ำเข้ามา เริ่มตั้งแต่เขตหลักเสาหินเขตแดนหมายเลข 53/1, 53/2, 53/3 ถึง 53/4 กินพื้นที่เข้ามาในเขตรัฐคะฉิ่นและรัฐชานเป็นบริเวณกว้าง ประมาณถึง 80 เอเคอร์ หรือกว่า 200 ไร่

ประมาณ 3 วันที่แล้ว ฝ่ายปกครองเมืองรุ่ยลี่ได้นำแรงงานมาล้อมรั้วไว้ โดยให้เหตุผลเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน เนื่องจากทางฝั่งพม่ากำลังเกิดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 โดยเฉพาะในรัฐชานภาคเหนือ มีการตรวจพบผู้ป่วยเป็นจำนวนมากในเขตจังหวัดล่าเสี้ยว จนถึงกับต้องมีการล็อกดาวน์บางพื้นที่ แต่ชาวบ้านเห็นว่ารั้วที่ล้อมได้รุกล้ำเขตแดนเข้ามามากเกินไป จึงได้รวมตัวไปช่วยรื้อแนวรั้วทิ้งเพื่อป้องกันพื้นที่ของตนเอง

แผนที่ที่ตั้งอำเภอหม่านสี่ จังหวัดะพะโม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเต๋อหง
การรุกล้ำเขตแดนจากฝั่งจีนเข้ามายังฝั่งรัฐชานและคะฉิ่น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนาน แม้ฝ่ายปกครองท้องถิ่นของทั้ง 2 ฝั่ง ได้พยายามแก้ไขและป้องกันปัญหามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังมีการรุกล้ำในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ

กลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจากเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า กึ่งม้า จังหวัดหลินชาง ตรงข้ามกับเมืองเล่าก์ก่าย เมืองเอกของเขตปกครองตนเองโกก้าง ได้สร้างแนวรั้วลวดหนามกั้นเขตแดน ป้องกันไม่ให้คนจากเล่าก์ก่ายลักลอบข้ามแดนไปหางานทำในกึ่งม้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ชายแดนโกก้างกับกึ่งม้า ยาว 26 ไมล์ แนวรั้วลวดหนามที่ฝั่งกึ่งม้าสร้างขึ้นได้กินพื้นที่เข้ามาเท่ากับแนวหลักเสาหินเขตแดนหมายเลข BP-125 ซึ่งผิดจากข้อตกลงระหว่างจีนกับพม่าที่ห้ามมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างรั้วหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ขึ้นในรัศมี 10 เมตร จากแนวหลักเสาหิน

ฝ่ายปกครองเมืองเล่าก์ก่ายทำหนังสือประท้วงไปถึงฝ่ายปกครองกึ่งม้า ในวันที่ 22 พฤศจิกายน จากนั้น 2 ฝ่ายได้ส่งตัวแทนลงมาเจรจากกัน ณ จุดที่ตั้งหลักเสาหิน BP-125 ผลการเจรจา ฝ่ายกึ่งม้ายอมรื้อรั้วลวดหนามและถอยร่นไปสร้างใหม่ในแนวที่ห่างจากหลักเสาหินไป 10 เมตร

ก่อนหน้านั้นไม่นาน ในวันที่ 2 ตุลาคม ก็เกิดกรณีที่ฝั่งจีนได้สร้างแนวรั้วลวดหนามกินพื้นที่รุกเข้ามาชนกับแนวหลักเสาหินหมายเลข 66/1 กับหมายเลข 68 และแนวหลักเสาหินหมายเลข 73 กับ 73/1 มาแล้วครั้งหนึ่ง ทางการรัฐชานต้องทำหนังสือประท้วงไปยังฝั่งจีน จนต้องถอยร่นแนวรั้วลวดหนามกลับไปตามข้อตกลง

ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2557 เคยมีกรณีชาวเมืองรุ่ยลี่ ทำทีเป็นขุดดินแต่ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตบ้านกุงส่า อำเภอน้ำคำ มาแล้ว จากนั้นในต้นปี 2562 ในเมืองหมู่เจ้ และป่างซาย ก็มีกรณีการขุดดินรุกล้ำดินแดนจากฝั่งจีนเข้ามาแบบเดียวกับที่เคยเกิดเมื่อปี 2557 ขึ้นอีก

วันที่ 9 ตุลาคม 2562 มีชาวรุ่ยลี่ 4 คน สวมเครื่องแต่งกายแบบไทใหญ่ ได้ขุดดินเป็นร่องยาวจากฝั่งรุ่ยลี่ ล้ำเข้าไปในเขตบ้านหนองคำ อำเภอน้ำคำ ลึกถึง 60 ฟุต นายอำเภอเมืองน้ำคำได้ประท้วงไปยังฝ่ายปกครองเมืองรุ่ยลี่ ให้หยุดการกระทำที่เป็นรุกล้ำดินแดนโดยทันที

สำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดพะโม (บ้านบ่อ) ในรัฐคะฉิ่น จังหวัดหมู่เจ้ ในรัฐชาน และในเขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง ส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ (ไต) ชาวไตแดง (คำตี่) และชาวคะฉิ่น (จิ่งพัว) เหมือนกัน.






กำลังโหลดความคิดเห็น