ระบาดหนัก! เขตพิเศษ “ว้า” ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งพรวด 12 วัน 153 คน

MGR Online - โควิด-19 ระบาดอย่างรวดเร็วในเขตปกครองตนเอง “ว้า” ชายแดนรัฐชาน-จีน แค่ 12 วัน จาก Super Spreader เพียงรายเดียวแพร่เชื้อต่อไปอีก 153 คน ถึงขั้นต้องตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นรับมือเฉพาะ

แม้สถานการณ์โควิด-19 ในพม่าเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นบ้าง เมื่อผู้ป่วยที่พบแต่ละวันมีจำนวนน้อยกว่าวันละ 1,000 คน ติดต่อกันมาเกือบ 3 สัปดาห์ แต่ในพื้นที่เขตพิเศษหมายเลข 2 สหรัฐว้า (UWSA) ชายแดนรัฐชาน-จีน กลับมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง


วานนี้ (5 ม.ค.) ฝ่ายสาธารณสุข UWSA ได้รายงานการพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 69 ราย รวมยอดผู้ป่วยที่พบในเขตปกครองตนเองว้า ณ เวลา 11.00 น.วานนี้ มีทั้งสิ้น 153 ราย ที่สำคัญผู้ป่วยเหล่านี้เพิ่งถูกพบในช่วง 12 วันที่ผ่านมานี้เอง

ก่อนหน้าการรายงานยอดผู้ป่วยที่พบในเขตว้าเล็กน้อย เพจ Wa Nation society liftyle ได้เผยแพร่ภาพสถานที่แห่งหนึ่ง และคลิปที่ประชาชนกับทหาร เข้าแถวรอให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างในโพรงจมูก เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 พร้อมบรรยายว่า สถานที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในเมืองป๋างซาง หรือปางคำ เมืองหลวงของ UWSA

ในช่องแสดงความคิดเห็น มีผู้ถามแย้งว่าเป็นสถานที่กักตัวรอดูอาการผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อหรือไม่? แอดมินเพจตอบยืนยันว่า ผู้ที่อยู่ในเต็นท์เหล่านี้เป็น “คนป่วย” ซึ่งหมายความว่าสถานที่ในภาพเป็นโรงพยาบาลสนาม ที่ตั้งขึ้นเพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 ในเขตว้าโดยเฉพาะ

เขตพิเศษหมายเลข 2 เป็นพื้นที่ปกครองตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์ว้า ในภาคเหนือของรัฐชาน ในพื้นที่นี้มีแผนกสาธารณสุขเป็นของตนเอง ไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุขและกีฬา ของรัฐบาลกลางพม่า และรัฐบาลรัฐชาน

ตัวเลขผู้ป่วยที่พบ 153 คน ในช่วง 12 วัน จึงไม่ได้ถูกนำไปรวมกับตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาพม่า เปิดเผยต่อสาธารณชน ในเวลา 20.00 น.ของทุกวัน








เขตปกครองตนเองว้า เพิ่งตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม โดยมาจากผู้แพร่เชื้อ (Super Spreader) เพียงรายเดียว เป็นหญิงชาวจีน อายุ 23 ปี ที่เดินทางมาจากเขตพิเศษหมายเลข 4 เมืองลา เพื่อกลับเข้าไปในจีนผ่านทางเมืองป๋างซาง ของว้า

ไทม์ไลน์ของหญิงจีนรายนี้ได้ถูกเปิดเผยโดยฝ่ายสาธารณสุขเมืองลา เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ระบุว่า หญิงจีนคนนี้ได้เข้ามาอยู่ในเมืองลาตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม ได้เช่ารถจากเมืองลาเดินทางไปยังเมืองป้อกซึ่งอยู่ในพื้นที่ของว้า จากนั้นวันที่ 14 ธันวาคม ได้เช่ารถจากเมืองป้อกเดินทางต่อไปยังป๋างซาง และข้ามแดนกลับเข้าไปในจีนในวันรุ่งขึ้น (ดูแผนที่ประกอบ)

วันที่ 15 ธันวาคม เจ้าหน้าที่จีนซึ่งตั้งด่านเฝ้าระวังอยู่ตรงชายแดน ได้ตรวจหญิงผู้นี้ และพบว่าเธอติดโควิด-19

ทั้งสหรัฐว้า และเมืองลา เป็นเขตปกครองตนเองบริเวณชายแดนรัฐชาน-จีน เมืองลาเป็นของกลุ่มชาติพันธุ์ลื้อ อยู่ติดกับเขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา ส่วน UWSA อยู่ติดกับเขตปกครองตนเองชนชาติไต ลาหู่ และว้า เมิ่งเหลียน จังหวัดผูเออร์ ในมณฑลยูนนานทั้งคู่




หลังหญิงจีนคนนี้ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทั้งว้าและเมืองลาได้ประกาศล็อกดาวน์ ห้ามคนเข้าออกพื้นที่ของตนอย่างเด็ดขาด มีการตัดการติดต่อและปิดถนนที่เชื่อมการเดินทางระหว่างเขตพิเศษทั้ง 2 แห่ง พร้อมระดมเก็บตัวอย่างจากผู้ที่อยู่ใน 2 พื้นที่ เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มข้น

ที่เมืองลา มีประกาศให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองต้องออกไปให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ใครที่ไม่ออกไปให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างถือเป็นความผิด และยังมีรางวัลให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสคนที่ไม่ยอมออกไปให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างเป็นเงินรายละ 300 หยวน

ฝ่ายสาธารณสุขเมืองลา มีการประสานงานกับห้องปฏิบัติการในเมืองฮาย เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เพื่อใช้เป็นสถานที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19

จนถึงวันนี้ (6 ธ.ค.) ในเมืองลายังไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่พื้นที่ว้า เริ่มพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม หลังหญิงจีนที่เป็น Super Spreader ข้ามออกไปแล้ว 10 วัน

ในจำนวนผู้ป่วยยืนยันที่พบในเขตว้าเมื่อวานนี้ 153 คน อยู่ในเมืองป๋างซาง 35 คน และเมืองป้อก 118 คน


เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม กองกาชาด ประจำเขตปกครองตนเองเมิ่งเหลียน จังหวัดผูเออร์ เพิ่งนำอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT/PCR มูลค่า 3,140,000 หยวน หรือประมาณ 477,421 ดอลลาร์สหรัฐ มามอบให้แก่ฝ่ายสาธารณสุข UWSA เพื่อช่วยเหลือภารกิจป้องกันโควิด-19 ในเขตว้า ซึ่งอีกเพียง 3 สัปดาห์ถัดมา อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยในป๋างซางได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจหาเชื้อแล้ว 18,897 คน ส่วนเมืองป้อก ได้เก็บตัวอย่างไปตรวจแล้ว 86,617 คน รวมกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการตรวจเชื้อในพื้นที่ว้าแล้ว 105,514 คน

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพพม่า ได้มอบหมายให้ พล.ท.ตานหล่าย ผู้บัญชาการภาคตะวันออก เป็นตัวแทนนำอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย ไปมอบให้แก่สหรัฐว้า และวันเดียวกัน ได้มอบหมายให้ พล.ท.ขิ่นหล่าย ผู้บัญชาการภาคสามเหลี่ยม เป็นตัวแทนนำอุปกรณ์เหล่านี้ไปมอบแก่เมืองลาด้วยเช่นกัน.