เอพี - การลงคะแนนเสียงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในการเลือกตั้งของพม่าวันนี้ (8) โดยที่พรรคการเมืองของนางอองซานซูจีได้รับการสนับสนุนอย่างมากเพื่อรักษาอำนาจที่พรรคได้มาจากทหารเมื่อ 5 ปีก่อน
พรรคการเมืองมากกว่า 90 พรรคกำลังแข่งขันเพื่อที่นั่งในสภาล่างและสภาสูงของรัฐสภา ขณะเดียวกัน ก็มีการเลือกตั้งในระดับรัฐและภูมิภาค
ซูจี ผู้นำประเทศในฐานะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ยังคงเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดของพม่า แม้ว่ารัฐบาลของเธอจะไม่เป็นไปตามคาดหวัง จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่บรรเทาความยากจนได้เพียงเล็กน้อย และความล้มเหลวในการลดความตึงเครียดในกลุ่มชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ของประเทศ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวนมากกว่า 37 ล้านคน รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรกราว 5 ล้านคน แต่ความหวาดกลัวเรื่องการระบาดของโควิด-19 และมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อควบคุมการระบาด อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียง
ซูจีใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งแต่ปลายเดือนก่อนในกรุงเนปีดอ เนื่องจากพลเมืองที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ได้รับการสนับสนุนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมทั้งผู้ที่จำต้องอยู่ห่างจากเขตเลือกตั้งของตนเองเนื่องจากโควิด
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในนครย่างกุ้งออกมายืนตั้งแถวกันแต่เช้านอกหน่วยเลือกตั้ง
“เราต้องการใครสักคนที่จะนำพาประเทศของเราเหมือนเรามีผู้นำในบ้านของเราเอง ดังนั้นการเลือกตั้งวันนี้จึงมีความสำคัญมากเนื่องจากเป็นโอกาสที่จะได้ผู้นำที่ดีสำหรับพวกเรา” เจ้าของธุรกิจขายกระดาษในนครย่างกุ้ง กล่าว
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2558 อย่างถล่มทลาย สิ้นสุดการปกครองโดยตรงของทหารนานกว่า 5 ทศวรรษในประเทศ
ผู้ท้าชิงหลักของพรรคซูจี เช่นเดียวกับเมื่อ 5 ปีก่อน คือ พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ที่ทหารให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา
ความสามารถในการบริหารประเทศของซูจีถูกขัดขวางจากมาตราในรัฐธรรมนูญฉบับที่ทหารร่างขึ้น ซึ่งสงวนที่นั่งในสภาถึงร้อยละ 25 สัดส่วนที่ขัดขวางการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการการเลือกตั้งสหภาพระบุว่าจะเริ่มประกาศผลการเลือกตั้งในเช้าวันจันทร์ (9) แต่อาจใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์เพื่อรวบรวมคะแนนเสียงทั้งหมด เนื่องจากคะแนนเสียงบางส่วนมาจากพื้นที่ห่างไกล
ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ส นักวิเคราะห์การเมืองในนครย่างกุ้ง ระบุว่า ไม่มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคใดเป็นทางเลือกที่แท้จริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ฝ่ายซูจีกำชัยในพื้นที่ใจกลางของประเทศ ที่กลุ่มชาติพันธุ์พม่าซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอาศัยอยู่ และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการสนับสนุนส่วนบุคคล กระทั่งความรักที่หลายคนมีให้แก่ตัวอองซานซูจี ซึ่งแทบไม่คำนึงถึงผลงานการบริหารของรัฐบาล หรือผลงานทางเศรษฐกิจ และเรื่องอื่นๆ.