เอเอฟพี - ชีวิตของตัวนิ่ม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกลักลอบค้ามากที่สุดในโลก ยังคงไม่ปลอดภัย แม้เวียดนามให้คำมั่นว่าจะปราบปรามการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ที่หลายคนกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เจิ่น วัน เจื่อง หัวหน้าผู้ดูแลสัตว์ ค่อยๆ ประคับประคองตัวนิ่มที่ม้วนตัวอยู่ในอ้อมแขน ระหว่างดูแลสิ่งมีชีวิตขี้อายที่ได้รับการช่วยเหลือจากแก๊งลักลอบค้าสัตว์ป่าในเวียดนามเมื่อหลายเดือนก่อน
แม้การจับกุม การดำเนินคดี และการยึดสัตว์ป่าที่ถูกลอบค้าในประเทศบ่อยครั้งขึ้น แต่นักอนุรักษ์เตือนว่าการทุจริตคอร์รัปชันและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เด็ดขาดทำให้การลักลอบค้าสัตว์ป่ายังดำเนินอยู่
เจื่อง ทำงานอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ในอุทยานแห่งชาติกุ๊กเฟืองทางภาคเหนือของประเทศ ภายใต้การดำเนินการขององค์กร Save Vietnam’s Wildlife ที่ได้ช่วยเหลือตัวนิ่มไว้กว่า 2,000 ตัว ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
เวียดนามเป็นทั้งผู้บริโภคและศูนย์กลางขนส่งสัตว์ป่าผิดกฎหมายในภูมิภาคเอเชีย เกล็ดของตัวนิ่มถูกเข้าใจอย่างผิดๆ ว่าสามารถรักษาได้ทุกอย่างตั้งแต่การไร้สมรรถภาพทางเพศ ไปจนถึงอาการปวดท้องประจำเดือน และแม้กระทั่งโรคมะเร็ง ตามตำรับยาแผนโบราณของจีนและเวียดนาม และเนื้อตัวนิ่มยังถูกมองว่าเป็นอาหารรสเลิศ
แต่เมื่อช่วงต้นปีนี้ จีนได้ถอดรายการชิ้นส่วนตัวนิ่มออกจากตำรับยาแผนโบราณอย่างเป็นทางการ และมีแนวโน้มที่เวียดนามจะดำเนินการตามเช่นกัน
การจับยึดสัตว์ป่าที่ถูกลักลอบค้าในประเทศเพิ่มขึ้น 44% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตามการรายงานของกลุ่มเอ็นจีโอ Education for Nature Vietnam (ENV) ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 พบการจับกุมเพิ่มขึ้นถึง 97% และการฟ้องร้องดำเนินคดีก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลจากกฎหมายฉบับแก้ไขปี 2561 ที่ผลักดันบทลงโทษทั้งการจำคุกและการปรับ และปิดช่องโหว่ต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยยับยั้งอาชญากรรมสัตว์ป่า กลุ่ม ENV ระบุ
แต่การบังคับใช้กฎหมายก็ยังคงเป็นประเด็นปัญหาใหญ่
ห่า บุย จาก EVN กล่าวว่า แม้ทางการจะมุ่งมั่นกับการปราบปรามการค้าสัตว์ป่า แต่ผู้ลักลอบกลับพ้นผิดได้ง่ายเกินไป เนื่องจากการทุจริตทำให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษเบา
เหวียน วัน ท้าย ผู้อำนวยการองค์กร Save Vietnam’s Wildlife กล่าวว่า กฎหมายยังไม่ครอบคลุมมากพอ ควรมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคด้วย
“หากตำรวจพบเนื้อตัวนิ่มที่ร้านอาหาร ก็แค่ร้านอาหารเท่านั้นที่จะมีปัญหา ไม่ใช่คนกิน” เหวียน วัน ท้าย กล่าว.