รอยเตอร์ - การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวต่ำสุดในรอบอย่างน้อย 30 ปี ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากผลกระทบของการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2563 ที่รัฐบาลวางไว้อยู่ไกลเกินเอื้อม
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ขยายตัวร้อยละ 0.36 จากปีก่อนหน้า เทียบกับการขยายตัวที่ร้อยละ 6.73 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คำแถลงของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุวันนี้ (29)
“การพัฒนาที่ซับซ้อนของการระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบทางลบต่อแง่มุมทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งหมด” สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุ
อัตราการเติบโตล่าสุดนั้นถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่การบันทึกเศรษฐกิจรายไตรมาสเริ่มขึ้นในเวียดนามเมื่อ 30 ปีก่อน เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานสถิติแห่งชาติยืนยัน
เจ้าหน้าที่ระบุว่า การขยายตัวในอัตราต่ำหมายความว่าเศรษฐกิจจำเป็นที่จะต้องขยายตัวถึงร้อยละ 10 ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ร้อยละ 6.8 ในปีนี้ ซึ่งกำหนดขึ้นก่อนเกิดการระบาด
ภาคการบริการในไตรมาสที่ 2 หดตัวร้อยละ 1.76 จากปีก่อนหน้า ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 1.38 และภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.72 ตามการระบุของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เวียดนามกำลังพยายามที่จะฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลังจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมมีเพียง 355 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสนี้ นอกจากนั้น ยังไม่พบการติดเชื้อภายในชุมชนมานานกว่า 2 เดือน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์เมื่อเดือนก่อนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะชะลอตัวที่ร้อยละ 2.7 ในปี 2563 แต่นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะพยายามรักษาให้อัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า การส่งออกของเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลง 1.1% จากปีก่อนหน้าที่ 121,210 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าลดลง 3% ที่ 117,170 ล้านดอลลาร์ เป็นผลให้ดุลการค้าเกินดุลที่ 4,040 ล้านดอลลาร์
ส่วนราคาผู้บริโภคของประเทศในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.17% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาผู้บริโภคเฉลี่ยในเดือน ม.ค.-มิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.19% และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน สำนักงานสถิติระบุ.