เอพี - เวียดนามให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปในวันนี้ (8) ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นภาคการผลิตและการส่งออกของประเทศ ในช่วงเวลาที่เวียดนามกำลังพยายามฟื้นตัวจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สมาชิกสภานิติบัญญัติได้อนุมัติรับรองข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมสภาแห่งชาติที่จัดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่การระบาดเกิดขึ้น ข้อตกลงนี้ลงนามกันในกรุงฮานอยเมื่อเดือน มิ.ย.2562 และได้รับการรับรองจากสภายุโรปในเดือน ก.พ.2563
เมื่อข้อตกลงมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า สหภาพยุโรปจะยกเลิกร้อยละ 85 ของอัตราภาษีกับสินค้าของเวียดนาม และค่อยๆ ลดส่วนที่เหลือในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามจะยกเลิกร้อยละ 49 ของอัตราภาษีนำเข้ากับการส่งออกของสหภาพยุโรปและยกเลิกส่วนที่เหลือทั้งหมดใน 10 ปีข้างหน้า
“ไม่มีเวลาไหนจะดีกว่านี้อีกแล้วสำหรับเวียดนามในการดำเนินการข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม ในขณะที่ประเทศกำลังอยู่บนเส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังหยุดชะงักนานหลายเดือนเนื่องจากโควิด-19” ฝ่าม จิ ลาน นักเศรษฐศาสตร์ และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเวียดนามหลายสมัย กล่าว
เวียดนามให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนเมื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มระบาดหนักในจีน เวียดนามปิดพรมแดนกับจีนในเดือน ม.ค. และกับทั้งโลกในเดือน ก.พ. ขณะเดียวกันได้ออกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ดำเนินมาจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดทำให้เวียดนามมีผู้ป่วยติดเชื้อแค่กว่า 300 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังไม่พบรายงานการติดเชื้อภายในประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศยังคงย่ำแย่เพราะโรคระบาดและมาตรการควบคุมในที่อื่นๆ ขณะที่ภาคการผลิตยังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการเคลื่อนไหวกับสินค้าและผู้คน
การระบาดของโรคครั้งนี้ยังเผยให้เห็นข้อบกพร่องในภาคการผลิตของประเทศด้วยแม้โรงงานในประเทศจะปลอดภัยและสามารถกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ แต่โรงงานเหล่านั้นก็ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มที่เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตมาจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
“โควิด-19 ได้ให้บทเรียนสำคัญแก่เวียดนามเกี่ยวกับการพึ่งพาจีน และยังแสดงให้ประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหภาพยุโรปเห็นเช่นเดียวกันถึงผลกระทบทางลบของการพึ่งพาจีนมากเกินไปในห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ด้วยทุกฝ่ายตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อสร้างความหลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน” ฝ่าม จิ ลาน กล่าว
แนวทางการย้ายการผลิตจากจีนไปประเทศอื่น ที่แรกเริ่มเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และต่อมาจากการระบาดของโควิด-19 ข้อตกลงการค้าเสรีนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามในการดึงดูดนักลงทุน
เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสหภาพยุโรปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าการค้าอยู่ที่ 56,000 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
และด้วยสิงคโปร์เป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป สิ่งนี้จะทำให้เวียดนามมีข้อได้เปรียบในระดับภูมิภาค
“ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม จะเพิ่มแรงบวกให้แก่การผลิตของเวียดนาม ผู้ผลิตที่มองหาที่ตั้งในภูมิภาคนี้และกำลังแสวงหาการเข้าถึงการแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดสหภาพยุโรปจะมีแนวโน้มที่จะย้ายการผลิตมายังเวียดนามเนื่องจากข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม” ไมเคิล ซีเบิร์ก จาก YCP Solidiance บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการเงิน กล่าว
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนามมีมูลค่ากว่า 38,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยประมาณ 2 ใน 3 ของการลงทุนอยู่ในภาคการผลิต ซึ่งข้อตกลงจะช่วยทำรักษาแนวทางดังกล่าว ซีเบิร์ก ระบุ
สมาชิกสภานิติบัญญัติยังให้สัตยาบันข้อตกลงฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการปกป้องนักลงทุน พวกเขาเจรจามาตั้งแต่ปี 2555 ให้บริษัทของสหภาพยุโรปได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกับบริษัทท้องถิ่นในการแข่งขันประมูลสัญญาของรัฐในเวียดนาม พวกเขายังมุ่งมั่นที่จะทำให้เวียดนามได้มาตรฐานสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนของประเทศ ปกป้องคุ้มครองสิทธิแรงงาน และสนับสนุนต่อคำมั่นที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลงปารีส
เป็นเวลามากกว่า 30 ปี ของการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อผสานเข้ากับเศรษฐกิจโลก ประเทศที่มีประชากรกว่า 95 ล้านคนแห่งนี้ กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในโรงงานโลกแห่งถัดไป
“เวียดนามดึงดูดการลงทุนจากประเทศต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและการสนับสนุนการกำกับดูแลกิจการที่ดี ค่อยๆ ผลัดเปลี่ยนความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศที่มีมาตรฐานล้าสมัย ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรปจะช่วยเวียดนามเพิ่มทักษะและมาตรฐานของประเทศ นับเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับเวียดนาม” ฝ่าม จิ ลาน กล่าว.