รอยเตอร์ - ไทยล่าสุดตั้งชุดคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาภายในกลางเดือนหน้าเพื่อเข้าร่วมข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก CPTP ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยออกมาชี้ว่า การเข้าร่วมอาจส่งผลร้ายต่อภาคการเกษตรและภาคการให้บริการด้านสุขภาพของประเทศได้
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (11 มิ.ย.) ว่า กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าการเข้าร่วมความเป็นพันธมิตรของข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเซีย-แปซิฟิก CPTPP (The Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership: CPTPP) ที่มีสมาชิกปัจจุบันทั้งหมด 11 ชาติ จะช่วยส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการระบาดโรคไวรัสโคโรนา และทำให้หลายภาคส่วนรวมถึงอิเล็กทรอนิกส์และการเกษตร สามารถมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น เป็นต้นว่า เวียดนาม และมาเลเซีย ที่ทั้ง 2 ประเทศเป็นสมาชิกข้อตกลงการค้าเสรีนี้แล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรของไทย จะทำการพิจารณาถึงการเข้าร่วมเป็นภาคีพันธมิตรของข้อตกลงการค้าเสรี CPTPP ภายใน 30 วัน ก่อนที่จะเสนอการศึกษาต่อรัฐบาล
ด้าน วีระกร คำประกอบ ประธาน กมธ.วิสามัญ CPTPP ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ในวันพฤหัสบดี (11) โดยชี้ว่า “รัฐบาลต้องการรับฟังความเห็นจากสภาผู้แทนราษฎร” และกล่าวต่อว่า “ดังนั้น เราจะพิจารณาอย่างรอบคอบในข้อดีและข้อเสียของการเข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อนที่จะทำการสรุป”
ทั้งนี้ การเข้าร่วมเป็นภาคีข้อตกลงการค้าเสรีความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเซีย-แปซิฟิก CPTPP นั้น จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเสียก่อน
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านและกลุ่มไม่เห็นด้วยชี้ถึงข้อเสียว่า การเข้าร่วมจะเป็นการเปิดประตูให้ผลิตผลทางการเกษตรจากนอกประเทศทะลักเข้ามารวมไปถึงผลิตภัณฑ์ยานำเข้าจากบางประเทศ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรมในไทย
ทางคณะกรรมาธิการจะเปิดการรับฟังความคิดเห็นสำหรับข้อดีและข้อเสียของการเป็นสมาชิกข้อตกลงที่มีประเทศออสเตรเลีย ชิลี และสิงคโปร์ที่ได้เข้าร่วมก่อนหน้า รวมถึงจากกลุ่ม NGO และชุดคณะกรรมาธิการถาวรด้านพาณิชย์ อุตสาหกรรม และการธนาคาร ประธาน กมธ.วิสามัญ CPTPP แถลง
