รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา ได้แสดงทีท่าท้าทายหนึ่งวันก่อนที่สหภาพยุโรปจะตัดสินใจว่าจะยุติสิทธิพิเศษทางการค้าของประเทศเนื่องจากประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่ โดยกล่าวว่า กัมพูชาจะไม่ยอมก้มหัวให้แก่ข้อเรียกร้องของต่างชาติ
กัมพูชาได้ประโยชน์จากโครงการการค้า "Everything But Arms" (EBA) ของสหภาพยุโรป ที่อนุญาตให้ประเทศด้อยพัฒนาส่งออกสินค้าส่วนใหญ่ไปสหภาพยุโรปแบบปลอดภาษี
สหภาพยุโรปขู่ว่าจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้าอันเนื่องจากการปราบปรามฝ่ายค้าน เอ็นจีโอ และสื่อ ของฮุนเซนที่ปกครองประเทศมานานกว่า 35 ปี
ฮุนเซน กล่าวว่า เขาจะไม่ยินยอมตอบสนองตามคำร้องของสหภาพยุโรป
“เราขอเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาลุกขึ้นปกป้องเอกราช อธิปไตย และสันติภาพของประเทศ อย่ายอมสยบให้แก่ผู้ใด เราต้องทำงานหนักเพื่อมีชีวิตอยู่” ฮุนเซน กล่าว
“เราต้องการที่จะเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนกับทุกประเทศทั่วโลก แต่หากพวกเขาไม่เข้าใจเราและต้องการบังคับเรา เราไม่เห็นด้วย เราเคยลิ้มรสสงครามมานับไม่ถ้วน โศกนาฏกรรมที่พวกเขาทำกับเรา แต่เราก็ยังไม่ตาย” ผู้นำเขมรกล่าว
อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่สร้างเม็ดเงินราว 7,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่เศรษฐกิจของประเทศในแต่ละปี และการส่งออกของกัมพูชาไปยังตลาดสหภาพยุโรปมีมูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 ข้อมูลของทางการระบุ
อย่างไรก็ตาม เอกสารที่โพสต์บนเว็บไซต์ของรัฐสภายุโรปได้ระบุว่า การถอดถอนสิทธิพิเศษในโครงการ EBA จากกัมพูชาจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์บางอย่าง ซึ่งไม่รวมข้าว
สม รังสี อดีตหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ลี้ภัยอยู่ในต่างแดน กล่าวว่า ฮุนเซนควรปฏิบัติตามคำเรียกร้องของสหภาพยุโรป เพื่อฟื้นฟูเสรีภาพขั้นพื้นฐานในกัมพูชา
“แม้จะเป็นการระงับสิทธิโครงการ EBA บางส่วน แต่ก็เป็นการพัฒนาที่น่าเศร้า เพราะมันจะส่งผลกระทบต่องานของแรงงานชาวเขมรและเศรษฐกิจของประเทศอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้” สม รังสี กล่าว และเสริมว่า เพราะความหัวรั้นของฮุนเซน ชาวเขมรจะเผชิญกับการสูญเสีย
“หวังว่าฮุนเซนจะเปิดใจที่จะเริ่มเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อป้องกันการคว่ำบาตรเชิงพาณิชย์ที่อาจมีเพิ่มเติมขึ้นอีกเพราะรัฐบาลเผด็จการของเขา” รังสี กล่าว.