รอยเตอร์ - อองซานซูจีจะไปปรากฉตัวที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อสู้คดีที่แกมเบียเป็นผู้ยื่นฟ้องซึ่งกล่าวหาว่าพม่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา รัฐบาลพม่าระบุ
ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 730,000 คน ได้หลบหนีไปยังบังกลาเทศตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากการปราบปรามของทหารพม่าที่ผู้สืบสวนสหประชาชาติกล่าวว่าเป็นการปราบปรามที่มีเจตนาล้างเผ่าพันธุ์ แต่พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากระทำการล้างเผ่าพันธุ์
แกมเบีย ประเทศขนาดเล็กทางภาคตะวันตกของแอฟริกา ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ได้ยื่นฟ้องต่อศาล หลังได้รับการสนับสนุนจากองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ที่มีสมาชิก 57 ประเทศ
กระทรวงที่ดูแลสำนักงานที่ปรึกษาแห่งรัฐระบุในเฟซบุ๊กว่า พม่าได้ว่าจ้างทนายความต่างชาติที่มีชื่อเสียงที่จะสู้คดีซึ่งยื่นฟ้องโดยแกมเบีย และที่ปรึกษาแห่งรัฐ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศด้วยนั้น จะนำทีมไปยังกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพม่าที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
พลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกทหารกล่าวกับรอยเตอร์ถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นหลังกองทัพปรีกษาหารือกับรัฐบาลว่า ทหารจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลและจะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล
ด้านโฆษกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี กล่าวว่า ซูจีได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับคดีนี้ด้วยตัวเอง
“พวกเขากล่าวหาว่าอองซานซูจีล้มเหลวที่จะพูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน เธอตัดสินใจที่จะเผชิญกับการฟ้องร้องด้วยตัวเอง” โฆษกพรรค กล่าว
ทั้งแกมเบียและพม่าเป็นผู้ลงนามในอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 ที่ไม่เพียงแค่ห้ามรัฐต่างๆ จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ยังบังคับให้รัฐที่ลงนามทั้งหมดจะต้องป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้กำหนดให้มีการนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 10-12 ธ.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ศาลไม่มีอำนาจบังคับให้ปฏิบัติตามคำตัดสินใดๆ ของศาล.