MGR Online - ทางการเวียดนามทำการอพยพราษฎรกว่าหมื่นคนออกจากในอาณาบริเวณเสี่ยงภัยในภาคกลางตอนบนของประเทศในช่วงสองวันที่ผ่านมา ก่อนพายุโซนร้อนลูกใหม่ “เซินตีง" (Sơn Tinh) จะพัดขึ้นฝั่ง จ.เหงะอาน (Nghệ An) ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ก่อนจะทะลุเข้าสู่ภาคเหนือของลาวในวันพฤหัสบดี 19 ก.ค.นี้ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดฝนตกปกคลุมทั่วภาคเหนือตอนบนของไทยด้วย
ก่อตัวเป็นดีเปรสชันขึ้นที่บริเวณนอกชายฝั่งเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อไม่กี่วันก่อน และพัฒนาความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว จนถึงระดับพายุโซนร้อน และได้ชื่อ “เซินตีง” ซึ่งเป็นชื่่อเก่า กลับมาหมุนเวียนใช้อีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ ไต้ฝุ่นชื่อเดียวกันลูกหนึ่ง พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือเวียดนามในเดือน ต.ค.2555 -- ไต้ฝุ่นหน้าหนาวลูกนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต และสูญหายกว่า 10 คน บ้านเรือนราษฎร เทือกไร่นาสวน กับสาธารณสมบัติต่างๆ ถูกทำลายเสียหายเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากเซินตีงลูกใหม่ล่าสุดเป็นพายุในฤดูฝน จึงเคลื่อนตัวในแนวตะวันออก-ตะวันตก เกือบจะเป็นเส้นตรง จากตอนเหนือฟิลิปปินส์เข้าทะเลจีนใต้ เข้าฝั่งภาคกลางตอนบนเวียดนาม ด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 80-90 กิโลเมตรต่อชั่้วโมง และทำให้เกิดลมพัดแรงถึงระดับ 11 จากทั้งหมด 12 ระดับ ในช่วง 24 ชั่วโมงมานี้ หนังสือพิมพ์ออนไลน์เหงื่อยเดือติน รายงานในคืนวันพุธ
พายุเซินตีง ส่งอิทธิพลให้เกิดพายุฝนครอบคลุมหลายจังหวัด ตั้งแต่กว๋างบี่ง (Quảng Bình) เหงะอาน ห่าตี๋ง (Hà Tĩnh) ขึ้นไปจนถึง จ.แทงฮว้า (Thanh Hóa) ทำให้ลำน้ำลำธารสายหลักต่างๆ เกิดน้ำไหลแรง หลายอาณาบริเวณน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนหนทาง ถนนหลายสายในเหงะอาน ถูกตัดขาดตั้งแต่ตอนบ่าย น้ำในอ่างเก็บน้ำเกือบทุกแห่งมีระดับสูงขึ้นในช่วง 2 วันมานี้ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำชลประทานหลายแห่งที่หน่วยงานรับผิดชอบต้องเฝ้าระวัง
คณะกรรมการป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติได้ออกคำเตือนไปยังจังหวัดในเขตพายุเคลื่อนตัวผ่าน ให้อพยพราษฎรออกจากบริเวณเสี่ยงภัยต่างๆ -- สื่อของทางการรายงานว่า ก่อนพายุจะพัดเข้าถึงฝั่งเพียง 1 วัน ในทางการจังหวัดเหงะอาน ได้โยกย้ายราษฎรกว่า 3,400 ครอบครัว เป็นจำนวนมากกว่า 15,000 คน ออกจากเคหสถานไปอาศัยชั่วคราวยังที่ปลอดภัย -- และใน จ.ห่าตี๋ง ที่อยู่ติดกัน มีราษฎรถูกโยกย้ายไปอยู่บนที่สูงอีกกว่า 500 ครอบครัว เป็นจำนวนกว่า 1,000 คน
พายุเซินตีง ได้ส่งอิทธิพลล่วงหน้าให้เกิดฝนตกปกคลุมทั่วภาคกลางตอนบนของเวียดนามมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ จนถึงวันพุธนี้ จ.เหงะอาน เพียงแห่งเดียวมีนาข้าวจมน้ำมากกว่า 13,000 เฮกตาร์ (กว่า 81,000 ไร่) เหงื่อยเดือติน รายงานอ้างตัวเลขของทางการ
เซินตีงเป็นพายุรุนแรงลูกที่ 3 ที่เคลื่อนถึงฝั่งเวียดนามตั้งแต่ต้นปีมานี้ ในขณะที่ทั่วอนุภูมิภาคได้ย่างเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อปีที่แล้วมีพายุรุนแรงทั้งในระดับดีเปรสชัน พายุโซนร้อน และไต้ฝุ่นพัดเข้าฝั่งประเทศนี้กว่า 10 ลูก
วันพุธที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์อากาศชั้นนำแห่งต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียได้ชี้ปลายทางของพายุลูกล่าสุดนี้ที่ภาคเหนือของ สปป.ลาว หลังจากพายุเริ่มอ่อนตัวลงเป็นดีเปรสชันอย่างรวดเร็วในช่วงกลางคืน ขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่แขวงเชียงขวาง กับแขวงหลวงพระบาง และจะมลายกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ แผ่คลุมทั่วอาณาบริเวณ
อย่างไรก็ตาม แผนภูมิพยากรณ์โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย ซึ่งออกในช่วงกลางดึก ได้ชี้ปลายทางสุดท้ายของพายุไปที่บริเวณชายแดนลาว-ไทย
ลักษณะดังกล่าวมีโอกาสทำให้เกิดการปะทะกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ประจำฤดูกาล ส่งผลทำให้เกิดฝนตกทั่วไปในหลายจังหวัดภาคเหนือของไทยอีกด้วย
“เซินตีง” เป็นเทพแห่งขุนเขาในนิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับต้นกำเนิดฤดูมรสุมของเวียดนาม ในนิทานดังกล่าว เซินตีง ต้องใช้อิทธิฤทธิ์นานัปการต่อสู้กับ “ถวีตีง” (Thủy Tinh) เทพแห่งสมุทร ที่หลงรักหญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือ เจ้าหญิงหมิเนือง (Mị Nương) พระราชธิดาผู้เลอโฉมของกษัตริย์หุ่งเวือง (Hùng Vương) แห่งอาณาจักรเวียดนามในครั้งโบราณกาล
ถวีตีง ไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พระมหากษัตริย์จะยกเจ้าหญิงให้แก่เซินตีงไปแล้วก็ตาม เทพแห่งสมุทรได้ระดมไพร่พล และใช้อิทธิฤทธิ์ประดามี รวมทั้งคลื่นลมแรงเข้าโจมตีหวังทำลายล้างฝ่ายเทพแห่งขุนเขา -- การสู้รบดำเนินไปหลายยก ไม่มีฝ่ายแพ้ชนะ และกลายเป็น “ศึกชิงนาง” ที่ยืดเยื้อมาจนทุกวันนี้.