MGR ออนไลน์ -- นักท่องเน็ตชาวเวียดนามนับหมื่นคนได้พากันคัดค้าน กระทรวงวัฒนธรรมที่กำลังเคลื่อนไหว ให้ยกเลิกการประกวดสาวงามในชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวดความสวยความงามต่างๆ ทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับประเทศ ซึ่งความเคลื่อนไหวของทางการมีขึ้นหลังจากกองประกวดเวทีระดับชาติในสหรัฐ 2 แห่ง ประกาศยกเลิกไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าแผนการนี้จะได้รับการสนับสนุน จากอดีตผู้เข้าประกวดมิสเวียดนาม รวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหลายต่อหลายคนก็ตาม
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในวงการบันเทิงเท่านั้น ผู้ที่อยู่นอกวงการ และบุคคลในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต่างช่วยกันออกให้ความเห็น มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมากมายไม่แพ้กัน -- ไม่ต่างกับประชามติในสหรัฐเอง นับตั้งแต่กองประกวดมิสยูเอสเอ กับ มิสอเมริกา ออกมาประกาศยกเลิกการประชันในชุดว่ายน้ำในสัปดาห์ต้นเดือนนี้
ในเวียดนาม -- กรมศิลปการแสดงประกาศเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า กำลังจะจัดประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ 22 มิ.ย.2561 ที่นครเหว จ.เถื่อเทียนเหว ในภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยจะยึดถือเอาเสียงส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์ตัดสิน ก่อนจะจัดทำร่างกฎหมายเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในเดือน พ.ย.ศกนี้ เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป ให้ออกมาบังคับใช้เป็นมาตรฐานในการประกวดความงามของประเทศ
การเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้กลายเป็นการจุดไฟให้ชาวเวียดนามออนไลน์ที่มีความสุนทรีย์ ฝักใฝ่นิยมชมชอบในการชมสาวๆ สวมชุดบิกินีบนเวทีที่เต็มไปด้วยสีสันกับเสียงเชียร์ -- รวมทั้งผู้ที่อยู่ในวงการประกวดอีกจำนวนหนึ่ง ที่มองว่าชุดว่ายน้ำแนบเนื้อทำให้สาวๆ สามารถอวดความสวยความงาม ที่พระเจ้าประทานมาให้ได้อย่างเต็มที่ และ ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการประกวดความงามอีกด้วย
กระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้มิใช่การเดินตามหลังใคร หากเป็นการพิจารณาจากเหตุผล เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีผู้คนจำนวนมากร้องเรียนว่า การเปิดเผยส่วนสัดของสตรี ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับค่านิยม รวมทั้งขนบธรรมเนียมของชนชาติสักเท่าไร รวมทั้งบนเวทีระดับชาติหลายต่อหลายแห่ง ในหลายประเทศ แม้แต่ในประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ยังไม่มีการประกวดในชุดว่ายน้ำ หรือ ให้บรรดาสาวๆ สวมชุดกีฬาแทน ซึ่งสามารถแสดงออกความสวยความงามแห่งเรือนร่างได้ดีไม้แพ้ชุดว่ายน้ำ
.
.
"การประกวดสาวงามไม่ควรเน้นเรือนร่างแต่เพียงอย่างเดียว หากต้องพิจารณาโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแสดงความสามารถ ความรู้กับปฏิภานไหวพริบ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการดำรงชีพเคียงข้างกับบุรุษเพศ" และ "ในขณะนี้กองประกวดมิสยูเอสเอประจำปี 2562 ได้ยกเลิกการประกวดในชุดว่ายน้ำแล้ว โดยมองว่าไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และ หันไปเน้นในเรื่องสติปัญญาแทน" นายเล มีง ต๋วน (Lê Minh Tuấn) รองอธิบดีกรมศิลปการแสดง ให้สัมภาษณ์ไม่กี่วันมานี้
เจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันกำลังรวบรวมความเห็น จากบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมทั้งความเห็นของสาธารณชนทั่วไป หลังจากการประกวดในชุดว่ายน้ำ จัดกันมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จนกลายเป็นธรรมเนียมในการประกวดบนเวทีต่างๆไป -- "เราจะขอความเห็นจากทุกๆฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนสรุปเพื่อนำไปจัดทำร่างรัฐบัญญัติและเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา" นายต๋วนกล่าว
ไม่เพียงแต่หน่วยงานของรัฐเท่านั้่นที่กำลังรวบรวมความเห็นต่างๆ เหล่านี้ สื่อหลายสำนักยังเข้าร่วมวงขอความคิดเห็นจากผู้อ่านทั่วประเทศ เหล่าคอลัมนิสต์เซ็กชั่นบันเทิง ได้ร่วมวงถกเถียงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ปัจจุบันในเวียดนามไม่มีกฎหมาย ที่ห้ามมิให้จัดการประกวดความงามในชุดว่ายน้ำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่ออกเองโดยฝ่ายบริหารของการประกวดแต่ละเวที -- แต่กระทรวงวัฒนธรรมก็มีกฎที่ออกมาใช้กว่า 10 ปีมานี้ ระบุเอาไว้ให้การประกวดความงาม จะต้องพิจารณาจากสติปัญญากับความรู้ระดับมาตรฐานทางวัฒนธรรมกับกับบุคคลิกของผู้เข้าประกวดเป็นหลัก และ พิจารณาจากความงามทางเรือนกายเป็นข้อหลังสุด
แต่ร้อยทั้งร้อยในซีกที่ต่อต้านการยกเลิกกล่าวว่า พวกตนรอคอยแต่รอบประกวดในชุดว่ายน้ำเท่านั้น -- ไม่ต่างกับครอบครัวชาวเวียดนามทั่วประเะทศ ที่ต่างก็รอคอยชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์แห่งชาติ หากยกเลิกไปเสีย การประกวดความงาม รวมทั้งเวทีมิสเวียดนามก็จะไม่มีอะไรน่าสนใจอีก
.
คนจำนวนมากแสดงเหตุผลและข้ออ้างต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การตั้งคำถามง่ายๆ "ประกวดเทพีไม่มีชุดว่ายน้ำ แล้วใครจะดู?" จนถึงการให้คำอธิบายในเชิงธุรกิจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยชี้ให้เห็นว่าการประกวดเวทีใหญ่ระดับชาตินั้น กว่าจะมีขึ้นได้จะต้องอาศัยเหล่าสปอนเซอร์ ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เกี่ยวกับความสวยความงามมากมาย รวมทั้งจากวงการแฟชั่น ถ้าหากเปลี่ยนไปเน้นเรื่องสติปัญญากับความสามารถส่วนตัว ก็ต้องหาสปอนเซอร์ใหม่ ซึ่งยังนึกไม่ออก
ฝ่ายคัดค้านหลายรายบอกว่ารอบชุดว่ายน้ำเป็นหัวใจสำคัญในการประกวดความงามมาแต่ไหนแต่ไร และ เมื่อได้ชื่อว่าเป็นการประกวดความงาม ก็จึงต้องเฟ้นหาสาวงามที่งามทางกายอันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรื่องอื่นๆ ล้วนสามารถฝึกฝนและอบรมได้ นอกจากนั้่นการสวมชุดว่ายน้ำขึ้นเวที ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการแสดงความงอกงามทางปัญญา รวมทั้งการแสดงความสามารถของบรรดาสาวๆที่เข้าประกวดอีกด้วย
เหวียน หวู ห่า แอง (Vũ Nguyễn Hà Anh) นางแบบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง และ ผ่านการประกวดมาหลายเวที ทั้งยังร่วมเป็นกรรมการให้คะแนนมาหลายเวที รวมทั้งมิสเวียดนามยูนิเวิร์ส 2559 บอกว่าชุดว่ายน้่ำเป็นมาตรฐานสำคัญในการประกวดความงาม ทั้งในยุโรป อเมริกา และในทั่วโลก หากไม่มีรอบนี้การประกวดในเวียดนามก็ย่อมถือได้ว่าไม่ได้มาตรฐานโลก ในขณะที่แต่ละปีมีหญิงสาวชาวเวียดนามจำนวนมาก ออกไปประกวดเวทีต่างแดน
บางรายให้เหตุผลว่า การประกวดแต่รอบชุดประจำชาติอ๋าวหย่าย กับชุดราตรียาว ทำให้จุดด่างดำ "ตำหนิ" ต่างๆ ถูกบดบังมิดชิด แต่ชุดว่ายน้ำปกปิดจุดด้อยได้น้อยกว่า ทั้งยังเขียนประชดประชันว่า -- ถ้าหากไม่ให้ผู้เข้าประกวดสวมชุดว่ายน้ำ ก็จะต้องหาเครื่องเอ็กซ์เรย์ให้กรรมการผู้ให้คะแนน
ผู้เข้าร่วมประกวดมิสเวียดนามหลายคนในช่วงสิบปีมานี้ ได้ออกสนับสนุนการยกเลิกชุดว่ายน้ำ รวมทั้งเจ้าของตำแหน่งรองชนะเลิศ คือ เหวียน ถวี่ เวิน (Nguyễn Thuy Vân) รองอันดับ 2 มิสเวียดนาม 2554 ฟาน ถิ โม (Phan Thị Mơ) ธิดาจากลุ่มแม่น้ำโขง ที่ออกประกวดในต่างแดนมาหลายเวที ทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก กับ หว่าง ถิ ถวี่ (Hoàng Thị Thùy) เวียดนามเน็กซ์ท็อปโมเดล 2554 นางแบบเอ-ลิสต์ของประเทศ และ รองอันดับ 1 มิสเวียดนามยูนิเวิร์ส 2560
.
ทั้งหมดให้เหตุผลคล้ายกันว่า "เป็นรอบการประกวดที่ทำให้ลำบากใจมากที่สุด" อีกทั้ง "ไม่ได้สะท้อนความสามารถกับความเฉลียวฉลาด กับความสามารถใดๆ" ของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
อีกหลายคนยกตัวอย่างให้เห็นว่า ชุดว่ายน้ำไม่มีความจำเป็นอะไร เวทีมิสทีนของสหรัฐยกเลิกมาหลายปีแล้ว รวมทั้งเวทีใหญ่อันดับ 2 ของโลกคือ มิสเวิลด์ก็ได้นำร่องมาตั้งแต่ปี 2558 -- ในประเทศเพื่อนบ้านไม่มีการประกวดมิสแคมโบเดีย เนื่องจากรัฐบาลไม่สนับสนับสนุนชุดว่ายน้ำ ถึงแม้จะอนุญาตให้เวทีอื่นๆของเอกชน สามารถดำเนินการได้ก็ตาม -- ไม่ต่างกับใน สปป.ลาว ซึ่งจัดการประกวดมิสลาวครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยไม่มีรอบสวมชุดว่ายน้ำเช่นเดียวกัน
ผู้สนับสนุนบิกินีบางรายกล่าวว่า ปัจจุบันสาวงามจากเวียดนาม เป็นรองสาวงามของหลายประเทศอยู่แล้วทางด้านสรีระ หากไม่ผ่านการประกวดชุดว่ายน้ำ ก็ยิ่งทำให้หมดโอกาสที่จะหาสาวงามไปประชันบนเวทีโลก ส่วนฝ่ายต้องการให้ยกเลิกบอกว่า -- ถึงแม้จะมีการประกวดและคัดสรรในรอบชุดว่ายน้ำตลอด 20 ปีมานี้ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร สาวงามจากเวียดนามก็ยังไปไม่ถึงไหนในเวทีระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เห่ เฮน นิเอ (H'Hen Nie) สาวงามกลุ่มชาติพันธุ์จาก จ.ดั๊กลัก เจ้าของมงกุฎมิสเวียดนามยูนิเวิร์ส 2560 ซึ่งจะเป็นตัวแทนไปร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สปีนี้ ให้ข้อคิดว่า -- สังคมควรทำความเข้าใจเหตุผลที่มิสอเมริกา กับมิสยูเอสเอยกเลิกชุดว่ายน้ำด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิสอเมริกานั้่น ไม่ได้คัดสาวงามเพื่อไปประกวดในต่างแดน หากคัดคนเพื่อไปร่วมกิจกรรมส่งเสริมสตรี และ ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี
การประกวดมิสเวิลด์ 2556 นั้นจัดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นชาติมุสลิมใหญ่ที่สุดในโลก กองประกวดจึงต้องให้สาวงามนุ่งผ้าซิ่นซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามประเพณีนิยมของสตรีเจ้าของประเทศ แทนการประกวดในชุดว่ายน้ำ
.
การถกเถียงเรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปอย่างเผ็ดร้อน ในทั่วทั้งสังคมออนไลน์ ในที่สุดนายเวือง ซวี เบียน (Vương Duy Biên) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ได้ออกให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์นี้ แสดงความแปลกใจที่กำลังมีความพยายามยกเลิก การประกวดชุดว่ายน้ำ
"ชุดบิกินีช่วยแสดงส่วนสัดของร่างกายได้ดีที่สุด และเป็นเกณฑ์สำคัญอย่างหนึ่งของการประกวด -- เราจะยกเลิกทำไม" เพราะว่าส่วนสัดเป็นเกณฑ์สำคัญที่จะต้องพิจารณาในการประกวด ถ้าหากเราจะต้องยกเลิก ก็คงจะหาคำอธิบายได้ยาก" นายเวืองกล่าว
รัฐมนตรีเวียดนาม ซึ่งเคยเซ็นอนุญาตให้วอลเลย์บอลชายหาด ที่นักกีฬาต้องสวมชุดว่ายน้ำรัดรูป สามารถจัดในเวียดนามได้ -- บอกต่อสาธารณชนออนไลน์ว่า ความคิดที่จะยกเลิกชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวดความงาม เป็นเพียงความคิดเบื้องต้น ที่รวบรวมจากความคิดเห็นส่วนตัวของบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีข้อสรุปอะไรในขณะนี้
เมื่อกล่าวถึงตัวอย่างในสหรัฐ -- แม้กองประกวดมิสยูเอสเอจะหยุดการประกวดที่มีการถกเถียงนี้ไป แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ ห้ามการประกวดในชุดบิกินีเช่นที่เคยจัดกันมา และ "ถ้าอเมริกากลับมาประกวดชุดว่ายน้ำอีกในวันข้างหน้า เราจะกลับมาทำตามเขาอีกไหม?" นายเวืองตั้งคำถาม
"ใครๆก็สามารถเสนอความคิดเห็นส่วนตัวได้ กรมศิลปการแสดง จะปรึกษาหารือกับหน่วยงาน องค์การ ตลอดจนปัจเจกชนหลายฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงทั่วไป เกี่ยวกับการจัดการประกวดความงามในประเทศ รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า สมควรจะยกเลิกการประกวดในชุดว่ายน้ำหรือไม่"
"ผมเองที่จะต้องดูแลเรื่องนี้ มองว่ามันเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมามากและนานมาแล้ว ไม่ได้มีอะไรขัดกับธรรมชาติที่การประกวดรอบชุดบิกินีมีมานานหลายทศวรรษ ในการประกวดความงาม ในประเทศต่างๆ รวมทั้งในระดับโลก" รัฐมนตรีเวียดนามกล่าว.