สหรัฐฯ วิตกเวียดนามร่างกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ หวั่นถูกใช้ปราบปราม

รอยเตอร์ - สหรัฐฯ แสดงความวิตกต่อเวียดนามเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ ตามการเปิดเผยของสถานทูตสหรัฐฯ วานนี้ (24) ท่ามกลางความหวาดวิตกของนักเคลื่อนไหวว่ากฎหมายใหม่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเศรษฐกิจ และการปราบปรามผู้เห็นต่างบนโลกออนไลน์ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้

ความวิตกดังกล่าวถูกถ่ายทอดโดย เจฟฟรีย์ เจอร์ริช ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระหว่างพบหารือกับรองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม

เจอร์ริช แสดงความวิตกของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสนอข้อกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ของเวียดนาม รวมทั้งผลกระทบของข้อกำหนด และข้อจำกัดในการบริการข้ามพรมแดนต่อการพัฒนาและการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในอนาคต คำแถลงของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอย ระบุ

เฟซบุ๊ก กูเกิล และบริษัทระดับโลกต่างๆ กำลังผลักดันอย่างหนักให้ถอนบทบัญญัติที่ระบุในร่างกฎหมายที่ต้องการให้บริษัทผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีเหล่านี้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานท้องถิ่นไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศ และเปิดสำนักงานในเวียดนาม

แต่บริษัทเหล่านี้กลับไม่มีท่าทีแข็งกร้าวแบบเดียวกันกับร่างกฎหมายบางส่วนที่หนุนการปราบปรามของรัฐบาลต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองบนโลกออนไลน์

ร่างกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่วานนี้ ยังคงมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในประเทศเช่นเดิม

สมาคมการสื่อสารดิจิตอลเวียดนาม (VCDA) ระบุว่า หากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ อาจทำให้จีดีพีของประเทศลดลง 1.7% และการลงทุนจากต่างชาติลดลง 3.1%

นอกจากนั้น กฎระเบียบจะยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายให้แก่ทั้งบริษัทต่างชาติ และบริษัทท้องถิ่น ทั้งยังทำลายความน่าสนใจของประเทศในหมู่นักลงทุนต่างชาติ และอาจละเมิดพันธสัญญาระหว่างประเทศ

ร่างกฎหมายยังกำหนดห้ามเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ร้ายให้เสื่อมเสียเกียรติ โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาล และยั่วยุปลุกปั่นความไม่สงบ หรือรบกวนความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม

หากร่างกฎหมายผ่านมติ จะกำหนดให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ในเวียดนาม ถอดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากแพลตฟอร์มเหล่านั้นภายใน 1 วัน เมื่อได้รับคำร้องจากกระทรวงข้อมูลและการสื่อสาร และกระทรวงความมั่นคง ที่เป็นคณะทำงานของรัฐบาลที่ได้รับมอบหมายปราบปรามผู้เห็นต่างในประเทศ

VCDA ระบุว่า ข้อกำหนดต่างๆ สำหรับการระบุเนื้อหาที่ผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายฉบับนี้ยังไม่ชัดเจน ไม่สมบูรณ์ และเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิทางการเมือง และเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานของประชาชนในเวียดนาม

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายในวันที่ 15 มิ.ย.นี้.