เอเอฟพี/รอยเตอร์ - จีน และเวียดนามให้คำมั่นวานนี้ (1) ที่จะรักษาสันติภาพในทะเลจีนใต้ น่านน้ำที่อุดมด้วยทรัพยากร และเป็นต้นตอความตึงเครียดที่ดำเนินมายาวนานระหว่างฮานอยกับปักกิ่ง
จีนอ้างกรรมสิทธิ์อธิปไตยเหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ น่านน้ำที่เชื่อว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน และก๊าซ และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการค้า และความมั่นคง
ปักกิ่ง สร้างเกาะเทียมที่สามารถเสริมกำลังทหารได้ในช่วงหลายปีมานี้ ความเคลื่อนไหวที่สร้างความขุ่นเคืองให้แก่บรรดาผู้อ้างกรรมสิทธิ์อธิปไตยในน่านน้ำรายอื่นๆ เช่น เวียดนาม
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจากจีน และเวียดนาม ได้ให้คำมั่นกันวานนี้ว่า จะแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ
“เราเห็นพ้องกันว่าการจัดการแก้ไขปัญหาทางทะเลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างยั่งยืน” หวัง อี้ ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวต่อนักข่าวหลังพบหารือกับฝ่าม บิ่ง มีง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนามในกรุงฮานอย
“ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาทางทะเล ทั้งสองฝ่ายควรจัดการข้อพิพาทผ่านการเจรจา และงดเว้นการกระทำเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงอีกฝ่ายที่อาจทำให้ข้อพิพาทขยายตัว และซับซ้อนยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน สองฝ่ายควรส่งเสริมความร่วมมือทางทะเล เช่น การจัดการหารือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ร่วม” หวัง อี้ กล่าว
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนาม เห็นพ้องในการแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติเช่นกัน
“เราพร้อมที่จะทำงานกับจีนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น” ฝ่าม บิ่ง มีง กล่าว และย้ำว่า สองฝ่ายควรจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม ไม่ขยายข้อพิพาทขัดแย้ง และเคารพสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของอีกฝ่ายหนึ่งภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
หวัง อี้ และฝ่าม บิ่ง มีง กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาไปในทิศทางบวก จากมูลค่าการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อสองประเทศเปิดตลาดระหว่างกัน โดยมูลค่าการค้าเมื่อปีก่อนมีจำนวนมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์.