MGRออนไลน์ -- แม้จะผ่านพ้นยุคของฮัมวีมาอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เพิ่งอนุมัติงบประมาณ 2,200 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริษัท AM General เดินสายการผลิตให้อีกครั้งหนึ่ง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 11,560 คัน โดยเกือบทั้งหมดจะนำไปใช้ในกำลังหน่วยต่างๆ ในต่างแดน นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐ สั่งผลิตรถฮัมวีอีก และ กลายเป็นรายงาน ตามสำนักข่าวเกี่ยวกับการการป้องกันประเทศและการทหารทั่วโลก สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้และทั้งนั้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ยานยนต์ขนส่งของทหารรุ่นนี้ ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และ ยังได้รับความนิยมมากที่สุดไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับการใช้งานทั่วไป แม้กระทั่งปะยุกต์ใช้ ในสถานการณ์อันเหมาะสมต่างๆ
เมื่อปี 2558 กองทัพสหรัฐได้ประกาศยุติการจัดหาฮัมวี หรือ High Mobility Multipurpose Wheeled Vehicle (HMMWV) อย่างเป็นทางการ โดยหันไปใช้ยานยนต์กลุ่มใหม่ ที่เรียกว่า JLTV (Joint Light Tactical Vehicle) หรือ ยานยนต์ (ที่ใช้) ร่วม (กัน) ทางยุทธวิธี -- ประมาณนั้น -- โดยรถ LATV (Light Combat Tactical All-Terrain Vehicle) ของบริษัทอ๊อชคอช (Oshkosh) ผู้ผลิตรถบรรทุกเก่าแก่และมีชื่อเสียงของสหรัฐ ได้รับเลือก และ ทะยอยบรรจุในบางหน่วย มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามฮัมวีที่จะผลิตออกมาล่าสุดนี้ เกือบทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในต่างประเทศ ที่เข้าใจกันว่าในหน่วยต่างๆ ของกองทัพสหรัฐ ที่ส่งเข้าไปประจำในหลายประเทศยุโรปตะวันออก ค่ายโซเวียตเก่า ในฐานะกองกำลังของกลุ่มนาโต้ เพื่อป้องปราม และ รับมือกับ "การคุกคาม" จากรัสเซีย หลังจากประเทศนั้นผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมีย จากยูเครนเป็นไปตน และ ยังสนับสนุนกลุ่มกบฏแยกดินแดน ในจังหวัดทางภาคตะวัะนออกของยูเครนอีกด้วย ถึงแม้ยูเครนจะไม่ใช่สมาชิกนาโต้ แต่ก็มีพรมแดนติดกับกลุ่มภาคีนาโต้
ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ รถรุ่นใหม่จะผลิตออกมาในหลายเวอร์ชั่น รวมทั้งชนิดหุ้มเกราะติดอาวุธ ชนิดใช้สำหรับขนส่งอุปกรณ์สัมภาระโดยเฉพาะ ชนิดที่ติดตั้งอุปกรณ์การสื่อสาร รวมทั้งเป็นรถพยาบาลสนามที่ได้มาตรฐาน ซึ่งทั้งหมดนนี้ จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากในปัจจุบันฮัมวีได้ถูกนำไปดัดแปลงเพื่อใช้สารพัดงานอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตรงตามจุดมุ่งหมายของการออกแบบและผลิต
เรากำลังพูดถึงยานยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของกองทัพ ที่ถูกนำไปใช้แทนจี๊ป (Jeep) ยนตกรรมยอดเยี่ยมอีกรุ่นหนึ่ง ที่ใช้ประจำการมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านสงครามเวียดนาม กับสงครามทะเลทราย กับสงครามในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกมานับไม่ถ้วน -- จนกระทั่งปี 2527 กองทัพสหรัฐ จึงได้เลือก Humvee ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้งานได้สารพัดประโยชน์มากกว่า ทรงพลังยิ่งกว่า แต่แคล่วคล่องว่องไวกว่า เพราะรถจี๊ปนั้น ไม่ว่าจะอัปเกรทอย่างไร ก็ยังเป็น "รถยุคสงครามโลก" อยู่ดี
บริษัทเอเอ็มเจเนอรัล ผลิตรถฮัมวีให้กองทัพตามสัญญาจัดหา ตั้งแต่ปี 2528 เป็นต้นมา ตัวเลขของบริษัทระบุว่า จนถึงปี 2558 ได้ผลิตรุ่นต่างๆ ออกมากว่า 250,000 คัน มีใช้ในกองทัพกว่า 60 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งกองทัพไทยที่มีอยู่หลายร้อยคัน ทั้งชนิดหุ้มเกราะขนาดเบา และ ชนิดที่ใช้ในภารกิจขนส่งทั่วไป -- ยังไม่นับรวมจำนวนที่ถูกนำไป "ก๊อปปี้" โดยไม่ได้ขออนุญาตในบางประเทศ ที่มีอีกมากมาย
.
2
3
4
5
6
7
8
กองทัพสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบกกับเหล่านาวิกโยธินในยุคใหม่นี้ ล้วนมองฮัมวีเป็นเสมือนยาสารพัดนึก สามารถใช้รักษาอาการป่วยไข้ได้แทบจะทุกโรค ทั้งนี้เนื่องจากยังไม่มีตัวเลือกอื่น ในช่วง 10-20 ปีมานี้ จึงมีการดัดแปลงฮัมวีมากมาย มีการ "โมเครื่องยนต์" กันขนานใหญ่ เพื่อนำไปใช้งานในหลากหลายภารกิจ ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่ง อันเป็นจุดประสงค์ดั้งเดิม ในการออกแบบและผลิต รวมทั้งนำไปติดปืนกลหนัก ปืนใหญ่ จนถึงระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง กระทั่งอาวุธฯ ต่อสู้อากาศยาน ทั้งระยะใกล้และระยะปานกลางด้วย
ทั้งหมดนี้เปลี่ยนรูปแปลงร่างยานยนต์แบบ SUV เกียร์อัตโนมัติ 3 ระดับ ติดเครื่องยนต์ V-6 ขนาด ทั้ง 6,200-6,500 ซีซี ทั้งเบนซินและดีเซล หนัก 2.3-2.6 ตัน แต่ก็มีความคล่องตัว พร้อมกับขีดความสามารถในการบรรทุกหนัก และ วิ่งไปไหนมาไหนสะดวกในทุกๆ ที่ -- การดัดแปลงได้ทำให้ฮัมวีกลายเป็นรถอุ้ยอ้าย เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงหนึ่งเคยมีฮัมวีบางคัน หนักขึ้นเกือบเท่าตัว เพราะถูกนำไปหุ้มเกราะเหล็กรอบคัน ด้วยหวังว่าจะช่วยป้องกันห้องโดยสารกับห้องพลขับ ให้พ้นอันตรายจากการซุ่มโจมตีด้วยอาวุธเบา และ เกราะเหล็กหนาจะช่วยป้องกันทุกคน ให้รอดพ้นจากกับระเบิด ระเบิดหน่วงเวลาแบบ IED (Improvised Explosive Devices) และ ระเบิดบังคับจากระยะไกล ที่ใช้แพร่หลายโดยกลุ่มก่อการร้าย ในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน นับเป็นความผิดพลาดสำคัญ เพราะเป็นการบังคับให้ฮัมวีทำงานหนักเกินตัว
แต่ข้อผิดพลาดสำคัญเบื้องต้นเลยก็คือ ฮัมวีไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้นำไปใช้ในแนวหน้า ใต้ท้องไม่ได้ออกแบบเป็นรูปทรงตัว "วี" ที่ช่วยสะท้อนแรงระเบิดได้ เป็นเหตุให้มีการสูญเสียยนตกรรมยอดนิยมรุ่นนี้ไปหลายพันคัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยกองทัพรัฐบาลอิรัก ช่วงก่อนหน้านี้
ในที่สุดทุกฝ่ายก็ได้ตระหนักดีขึ้นกว่าเดิมว่า ฮัมวีไม่ใช่ยาสารพัดนึก และ นำมาสู่การจัดหา JLTV เพื่อให้ทันยุคสมัย มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย ออกแบบให้มีรูปลักษณ์ต่อต้าน หรือ ทนทานต่อ IED ติดระบบเกราะป้องกันทันสมัย และ อื่นๆ ให้สามารถแล่นเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นอริได้โดยปลอดภัยยิ่งขึ้น
แต่ความต้องการก็ยังไม่สิ้นสุด -- เพราะว่าไม่นานหลังจากนั้น หลายฝ่ายในกระทรวงกลาโหม กับกองทัพ ก็เริ่มเห็นความจำเป็นของยานยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า JLTV คล่องตัวยิ่งกว่า และ สามารถขนกำลังพลเข้าถึงทุกพื้นที่ในแนวหลัง ได้อย่างรวดเร็ว แบบฮัมวี หรือ มีคุณสมบัติเดียวกัน หรือ ใกล้เคียงกับฮัมวี
ยังไม่มีการเปิดเผยว่า ฮัมวีล็อตใหม่กว่า 11,000 คัน จะมีการดัดแปลงแก้แบบ ในส่วนไหน อย่างอะไรบ้าง และ ยังจะต้องติดตามผลการใช้งาน ที่อาจนำไปสู่การฟื้นชีพของฮัมวีอย่างเป็นระบบ -- ไม่ต่างไปจากที่มีความพยายามนำ จี๊ป "สิงห์ทะเลทราย" ให้กลับมาผงาดอีกครั้งหนึ่ง.