xs
xsm
sm
md
lg

ปูดคลิปปริศนา USS Seawolf เรือดำน้ำนิวเคลียร์ติดแหง็กคาน้ำแข็งขั้วโลก สหรัฐเนียนๆไม่ปริปากมา 2 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



MGRออนไลน์ -- วิดีโอคลิปที่ได้ชมข้างบนนี้มียอดวิวหลายแสนในช่วงข้ามสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นคลิปที่กล่าวกันว่า ถ่ายจากบริเวณ "ทุ่งน้ำแข็ง" ขั้วโลกเหนือ ถ่ายไว้โดยลูกเรือ บนเฮลิคอปเตอร์ Mi-8 ลำหนึ่ง ของกองทัพประจำภาคพื้นอาร์กติครัสเซีย ในคลิปแสดงให้เห็นเรือดำน้ำซีวูล์ฟ (USS Seawolf, SSN-21) ติดแหง็กคาแผ่นน้ำแข็งหนา และ ในบริเวณไม่ไกลออกไป มีคราบสีแดงติดอยู่บนผืนน้ำแข็ง แสดงให้เห็นการใช้พลุจุดแจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่สำคัญคือกองทัพเรือสหรัฐ ไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์นี้มาก่อน

คลิปถ่ายทำเอาไว้ตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 และ ไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อนจนถึงวันนี้ โดยปรากฏครั้งแรกในเฟซบุ๊กของชาวรัสเซียคนหนึ่ง ในสัปดาห์ต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มา เพียงแต่บรรยายสั้นๆ ว่า ในคลิปนี้คือ เรือดำน้ำซีวูล์ฟ ที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐ ส่วนสีแดงที่เห็นอยู่นั้น เป็นคราบที่เกิดจากพลุ หรือ แฟลร์ และ เป็นพลุสีแดง ที่ใช้จุดเพื่อส่งสัญญาณฉุกเฉิน ขอความช่วยเหลือ นอกจากนั้นยังสังเกตุเห็นร่องรอยความเสียหาย ในบริเวณป้อมของเรืออีกด้วย แต่พลุที่เห็นนี้ จุดก่อนที่ ฮ. จะไปถึงยังบริเวณที่เกิดเหตุ จึงไม่เห็นควัญ หรือ อะไรลอยขึ้นมา

ไม่มีข้อมูลว่า เรือดำน้ำของสหรัฐหลุดรอดออกไปจากแผ่นน้ำแข็งหนาได้อย่างไร ฝ่ายสหรัฐก็ไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์นี้ และ ข่าวที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกองทัพเรือเวลาต่อมา ยังชื่นชมลูกเรือของเรือซีวูล์ฟว่า ปฏิบัติงานต่างๆ ได้ดีเยี่ยม นอกจากนั้นภาพถ่ายจำนวนหนึ่ง ที่สหรัฐนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ก็ไม่ปรากฎให้เห็นรอยสีแดงบนพื้น ในส่วนใดของอาณาบริเวณรอบๆ และ เรือก็ดูเป็นปรกติ ไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ ให้เห็นเช่นที่ระบุในคลิป

เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ก็มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นโต้แย้งในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่มองว่า คลิปมีพิรุธ ส่อให้เห็นว่าอาจจะมีการเติมแต่งอาณาบริเวณหนึ่ง ให้เห็นเป็นสีแดง อันเป็นความพยายามโฆษณาชวนชื่อ และ บิดเบือนโดยฝ่ายรัสเซีย ที่เคยทำแบบนี้มานักต่อนัก ถึงแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาโต้แย้งว่า สิ่งที่เห็นทั้งหมดน่าจะเป็นเหตุการณ์จริง เพราะไม่มีร่องรอยของการเติมแต่ง หรือ การตัดต่อใดๆ ให้เห็น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

ตามข้อเท็จจริงที่สหรัฐแถลงอย่างเป็นทางการในเดือนต่อมานั้น แสดงให้เห็นว่า ในเดือน ก.ค.2558 เรือ USS Seawolf ได้ไปยังอาณาบริเวณทุ่งน้ำแข็ง ทะเลอาร์คติค ตามที่ระบุในคลิปจริงๆ กองทัพเรือสหรัฐเผยแพร่ทั้งภาพและข่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเว็บไซต์ แต่ยังไม่มีหน่วยงานใด พูดถึงประเด็นการจุดพลุแจ้งเหตุฉุกเฉิน และอื่นๆ ตามที่ระบุในคลิปอื้อฉาวชิ้นนี้เลย ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

เรือซีวูล์ฟเป็นเรือต้นของเราดำน้ำชั้นซีวูล์ฟ (Seawolf-Class) ซึ่งต่อออกมาเพียง 3 ลำ มัจจุราชใต้น้ำรุ่นนี้ เป็นผลผลิตของสงครามเย็นโดยแท้ สร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับเรือชั้นอาคูลา (Akula-Class) ของโซเวียตในยุคโน้นโดยเฉพาะ และ ต่อออกมา ตามโครงการจัดหา เพื่อใช้แทนเรือชั้นลอสแอนเจลีส (Los Angeles-Class) ทั้งหมด รัฐสภาสหรัฐอนุมัติแผนการในปี 2532 ลำแรกคือ เรือซีวูล์ฟปล่อยลงน้ำปี 2538 บรรจุเดือน มิ.ย.2540 -- กล่าวคือ เพิ่งใช้งานมาเพียง 20 ปีเท่านั้น
.
<br><FONT color=#00003>ภาพจากคลิปที่ผู้นำออกเผยแพร่กล่าวว่า เป็นเรือ USS Seawolf (SSN-21) ถูกบีบติดอยู่บนผืนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือในปี 2558 ทั้งยังสังเกตเห็นสภาพความเสียหายบนป้อม แต่ในภาพที่เผยแพร่โดยกองทัพเรือสหรัฐอีก 3 สัปดาห์ถัดมา ไม่ปรากฏร่องรอยที่ว่านี้ให้เห็น และ ก่อนหน้านั้น 4 ปี เรือชั้นเดียวกันอีกลำหนึ่งคือ USS Connecticut (SSN-22) ก็เคยไปโผล่ที่นั่น เรือชั้นลอสแอนเจลีส และ ชั้นเวอร์จิ เนียอีกหลายลำ ล้วนเคยไปฝึกซ้อมที่นั่น โดยไม่มีอุปสรรคอะไร จึงกลายเป็นคลิปปริศนา ถกเถียงกันเดือดปุดในโลกออนไลน์ ข้ามสัปดาห์มานี้. </b>
1
<br><FONT color=#00003>เรือ USS Seawolf (SSN 21) กลับถึงฐานทัพคิตซับ-เบรเมอร์ตัน รัฐวอชิงตัน 21 ส.ค.2558 หลังปฏิบัติภารกิจ 6 เดือน ซึ่งรวมทั้งการแล่นลอดผืนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ เป็นการยืนยันว่า เรือลำนี้ไปบริเวณที่เกิดเหตุในคลิปข้างบน. --  US Navy Photo by MCS 2nd Class Amanda R Gray. </b>
2
<br><FONT color=#00003>เรือ USS Seawolf (SSN-21) แล่นเข้าอ่าวอาปรา (Apra Habour) เกาะกวม 19 ต.ค.2549 แวะเยือนฐานทัพใหญ่ของสหรัฐแห่งนี้เป็นครั้งแรก ทั้งเรือซีวูล์ฟ และ เรือลำต่อมา คือ เรือคอนเน็คติกัต (USS Connecticut, SSN-22) ถูกส่งไปประจำฐานทัพ ทางฝั่งแปซิฟิกของสหรัฐ จึงคุ้นเคยกับย่านนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเมื่อไรหรือไม่ เท่านั้่นเอง. -- US Navy Photo/MCS 2nd Class Edward N Vasquez. </b>
3
ตามข้อมูลข่าวสารสั้นๆ ที่เผยแพร่โดยกองทัพเรือ ในเดือน ส.ค.2558 นั้น เรือ USS Seawolf (SSN-21) ได้ เดินทางกลับถึงฐานทัพที่คิตซับ (Kitsap Naval Base) ในรัฐวอชิงตัน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ หลังออกปฏิบัติภารกิจปรกติ เป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งการแล่นผ่านใต้ผืนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ 2 ครั้ง และ โผล่ขึ้นบริเวณขั้วโลกเหนือครั้งหนึ่ง

"ลูกเรือปฏิบัติงานอย่างยอดเยี่ยม ขณะปฏิบัติการต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือที่ 6 พวกเราได้แล่นผ่าน บริเวณขั้วโลกเหนือ 2 ครั้ง และ ลอยลำขึ้นที่บริเวณขั้วโลก การปฏิบัติการใต้ทะเลอาร์คติคนั้น เป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของกองทัพเรือ เพื่อสืบต่อปการเข้าถึงทะเลสากลทั้งหมด โดยเรือซีวูล์ฟเป็นส่วนหนึ่ง ในพันธกิจดังกล่าว" กองทัพเรือสหรัฐ รายงานเรื่องนี้เมื่อวันที่ 21 สค.2558

เรือซีวูล์ฟมีขนาด 9,000 ตัน บนเรือมีนายทหารกับลูกเรือรวมกัน 140 คน เรือติดตอร์ปิโดขนาดใหญ่ได้ทั้งหมด 40 ลูก หรือ จะเลือกเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีโทมาฮอว์ก (Tomahawk) ทั้งชนิดโจมตีโจมตีเป้าหมายบนบก จำนวน 50 ลูก กับ อาวุธปล่อยนำวิถียิงเรือแบบฮาร์พูน (Harpoon) อีก 50 ลูกก็ได้ หากต้องการ

แรกเริ่มเดิมทีจะต่อทั้งหมด 29 ลำ เพื่อใช้แทนเรือชั้นลอสแอนเจลีสทั้งหมด แต่เมื่อยุคสงครามเย็นสิ้นสุดลง หลังการล่มสลายของโซเวียต สหรัฐก็ตัดสินใจหยุดเอาไว้แค่ 3 ลำ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก คือ ราคา 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อลำ และ 3,500 ล้านดอลลาร์สำหรับเรือลำที่สามของชั้น โดยรัฐสภาอนุมัติให้กองทัพเรือจัดหา เรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-Class) มาใช้แทน เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ขนาด 7,900 ตัน ขนาดเล็กลง ราคาต่อลำถูกลง คือ ราว 2,000 ล้านดอลลาร์ แต่น่าเกรงขามไม่ต่างกัน กลายเป็นรุ่นปัจจุบันที่สุด และ เป็นแก่นกลางหลักการรบใต้ผืนน้ำ ของกองทัพเรือในขณะนี้

เริ่มบรรจุตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันกองทัพเรือสหรัฐ มีเรือชั้นเวอร์จิเนียทั้งหมด 13 ลำ อยู่ระหว่างการต่ออีก 6 ลำ ตามแผนการจัดหาทั้งหมด 48 ลำ แต่ถึงกระนั้น เรือชั้นลอสแอนเจลีสก็ยังคงถูกใช้งานต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ โดยทะยอยปลดระวางประจำการเรือในล็อตแรกๆ ออกไป
.


.

สำหรับเรือซีวูล์ฟมีขนาดใหญ่กว่าเรือชั้นลอสแอนเจลีส แต่เงียบกว่ากันมาก ในขณะแล่นด้วยความเร็ว และ ยังหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดีกว่า ติดอาวุธได้มากกว่า ติดระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบต่างๆ ที่ทันสมัยกว่าชั้นลอสแอนเจลีส

ทั้งเรือ USS Seawolf กับ เรือลำที่ 2 ของชั้น คือ เรือคอนเน็คติกัต (USS Connecticut, SSN-22) ล้วนเคยไปปฏิบัติภารกิจที่ขั้วโลกเหนือมาแล้ว (โปรดชมคลิปที่ 2 กับภาพที่ 10 ประกอบ) อย่างน้อยลำละสองเที่ยว โดยไม่เคยประสบเหตุด่วนเหตุร้ายใดๆ นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ระหว่างการฝึกซ้อมรบครั้งหนึ่ง ระหว่างเรือซีวูล์ฟกับกองเรือดำน้ำของนอร์เวย์ ในทะเลอาร์คติก ปรากฎว่าเรือของฝ่ายนอร์เวย์ ไม่สามารถตรวจหาเรือซีวูล์ฟพบ จนกระทั่งเรือของฝ่ายสหรัฐต้องเปิดไฟโซนาร์ให้เห็น

ส่วนส่วนลำที่ 3 ได้แก่เรือ จิมมี คาร์เตอร์ (USS Jimmy Carter, SSN-23) ที่มีขนาด 12,000 ตัน ใหญ่กว่าและยาวกว่าสองลำแรก 30 เมตร ปัจจุบันประจำที่ฐานทัพนิวลอนดอน (New London Naval Base) เมืองโกรตัน (Groton) รัฐคอนเน็คติกัต ข้อมูลของสหรัฐระบุว่า ปัจจุบันเรือลำสุดท้ายของชั้น ทำภารกิจสอดแนม หาข่าวสารเกี่ยวกับเรือใต้นำของฝ่ายตรงข้าม อยู่ทางฝั่งแอตแลนติกเป็นหลัก ส่วนเรือซีวูล์ฟกับเรือคอนเน็คติกัต ถูกโยกไปประจำฝั่งแปซิฟิก ตั้งแต่เดือน ก.ค.2550

การไปประจำที่ฐานทัพคิตซับ-บานกอร์ ทำให้ทั้งเรือซีวูล์ฟ และ เรือคอนเน็คติกัต ต่างมีโอกาสมาปฏิบัติการรลาดตระเวณในย่านแปซิฟิกตะวันตก-ทะเลจีนใต้ หลายครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (โปรดชมภาพที่ 3 ประกอบ) เพียงแต่จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นหรือไม่ และ เมื่อไร เท่านั้นเอง.
.

ยกเว้นเพียงภาพสุดท้าย -- ภาพทั้งหมดต่อไปนี้เผยแพร่โดยกองทัพเรือสหรัฐ เป็นเหตุการณ์ตอนเรือ USS Seawolf (SSN-21) โผล่ขึ้นที่ "ทุ่งน้ำแข็ง" ขั้วโลกเหนือ วันที่ 31 ก.ค.2558 แต่ไม่มีภาพใด ที่แสดงให้เห็นเรือจุดพลุแฟลร์สีแดง ส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ ดังที่เห็นในคลิป ที่อ้างกันว่า ลูกเรือบนเฮลิคอปเตอร์ Mi-8 ลำหนึ่งของรัสเซีย เป็นผู้ถ่ายทำไว้ และ อีก 3 สัปดาห์ต่อมา คือ 21 ส.ค.2558 เรือก็กลับถึงฐานทัพในรัฐวอชิงตัน โดยไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ. -- US Navy Photos.


4

5

6

7

8

9
<br><FONT color=#00003>ภาพวันที่ 7 เม.ย.2546 หมีขั้วโลกกำลังสนใจหลุมมีน้ำขัง หลังจากเรือ USS Connecticut (SSN-22) โผล่ขึ้นเหนือน้ำแข็ง ระหว่างออกปฏิบัติการบริเวณขั้วโลกเหนือครั้งแรก หมีคงเข้าใจว่าที่นั่นน่าจะมีปลา เหตุการณ์นี้มองเห็นผ่านกล้องเปอริสโคป และ ถ่ายจากหน้าจอแสดงผลภายในลำเรืออีกที เท่าที่มีการเปิดเผยนั้น ทั้งเรือซีวูล์ฟ และ เรือคอนเน็คติกัต ต่างไปปฏิบัติการที่นั่นมาแล้วอย่างน้อย ลำละสองเที่ยว โดยไม่เคยเกิดกรณีฉุกเฉินใดๆ. -- US Navy Photo/Mark Barnoff. </b>
10
กำลังโหลดความคิดเห็น