MGRออนไลน์ -- ชาวฮานอยจำนวนมาก ไปใช้บริการระบบขนส่งมวลชนระบบแรกของเมืองหลวง ที่เริ่มเปิดให้บริการตามกำหนด ในวันสุดท้ายของปี โดยรถบัสขนส่งมวลชนบีอาร์ที (Bus Rapid Transit) สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางได้จริง และ ทางการหวังว่า จะดึงดูดให้ประชาชนทั่วไป หันมาใช้แทนพาหนะส่วนตัว ที่ทำให้การจราจรติดขัดเป็นอัมพาตในชั่วโมงเร่งด่วน หากได้รับความนิยมมากขึ้น ก็พร้อมเพิ่มทั้งจำนวนรถและจำนวนเที่ยว รวมทั้งเพิ่มเส้นทางด้วย
หลังเป็นประธานทำพิธีเปิดเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ ในตอนเช้าวันเสาร์ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายเหวียนดึ๊กจุง (Nguyen Duc Chung) ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอย (ผู้ว่าราชการ) ได้ร่วมโดยสารไปกับรถเที่ยวแรก โดยรถ BRT จะให้ประขาชนทั่วไป ใช้บริการได้ฟรีๆ ตลอดเดือน ม.ค.นี้ เป็นของขวัญปีใหม่ โดยไม่เก็บค่าโดยสารใดๆ
รถ BTR สายแรกของกรุงฮานอย แล่นตามเส้นทางความยาว 15 กิโลเมตร ไปตามถนนสายสำคัญหลายสายของเมืองหลวง ผ่านย่านการค้า และ ย่านที่อยู่อาศัย โดยจะให้บริการระหว่าง 05.00 ไปจนถึง 19.00 น. ประจำทุกวัน โดยใช้รถจำนวน 24 คัน ออกจากสถานีต้นทางทุกๆ 5-15 นาที และในวันอาทิตย์ จะลดจำนวนรถลงเหลือ 14 คัน เป็นการทดลอง
"ผมหวังว่าบริการขนส่งระบบนี้ จะได้รับความสนใจจากประชาชนชาวเมืองหลวง หลังจากเส้นทางแรกให้บริการแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่ง และการจราจร จะได้ศึกษาข้อมูลต่อไป หากเห็นว่าไม่เพียงพอ ก็จะมีการปรับปรุงให้เข้ากับสภาพข้อเท็จจริง เพื่อให้มีหลักประกันว่า รถบีอาร์ทีจะให้บริการได้ดีที่สุด" ผู้ว่าการกรุงฮานอยกล่าว
"ผู้โดยสารพวกเรา รู้สึกตื่นเต้น และดีใจ ที่ได้นั่งรถบัสบีอาร์ทีคันแรกก่อนสิ้นปี 2016 ถ้าหากบริการได้เช่นนี้ตลอดไป จะเป็นสิ่งที่ดีมาก เชื่อว่าหลายคนจะเลือกทางนี้ ให้ลูกหลานไปโรงเรียน หรือ ไปทำงาน" สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส รายงาน อ้างความเห็นผู้โดยสารสตรีคนหนึ่ง
นี่คือระบบขนส่งมวลชนที่มีความเร็วระบบแรก ในเมือหลวงของเวียดนาม ในขณะที่การก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน ที่กำลังดำเนินอยู่จำนวน 2 สาย เกิดติดขัดเนื่องจากมีปัญหามากมาย ทั้งปัญหาเวนคืนที่ดิน และ ปัญหาแหล่งเงินทุน โดยรถไฟฟ้าสายแรกจะทดลองวิ่ง ให้ได้ภายในเดือน ก.ค.ปีนี้
อย่างไรก็ตามผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ต่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินบนดินทั้งหลาย ที่มีทางวิ่งของตนเองเป็นอิสระ แต่การกันส่วนหนึ่งของริมถนน เพื่อให้เป็นทางวิ่งของรถบัสโดยสารบีอาร์ทีนั้น ย่อมส่งผลต่อยวดยานชนิดอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ กับรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ที่มีพื้นผิวการจราจรลดน้อยลง และ จะส่งผลต่อการจราจรโดยรวมอย่างไม่มีทางเลี่ยง จนกว่าจะมีการลดการใช้พาหนะส่วนตัวลง.
.
2
3
4
