รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกต่อคณะผู้แทนจากพม่าในวันนี้ (30) ว่า ทั้งสองฝ่ายควรทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของชายแดนที่มีร่วมกัน หลังเกิดเหตุโจมตีหลายระลอกโดยกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ต่อกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่า และประชาชนหลายพันคนข้ามแดนเข้าไปในฝั่งจีนเพื่อหลบหนีความรุนแรง
การโจมตีที่เกิดขึ้นในเดือนนี้กลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ต่อเป้าหมายสำคัญของอองซานซูจี ที่ต้องการจะบรรลุสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ต่างๆ ในประเทศ ขณะที่ฝ่ายจีนมีความวิตกกังวลถึงความเสี่ยงของความรุนแรงในภาคเหนือของพม่าจะรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนจีน ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ที่ทำให้ชาวจีนเสียชีวิต 5 คน
หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวต่อคณะผู้แทนจากพม่าที่เดินทางเยือน ซึ่งนำโดย ทิน เมียว วิน ประธานคณะกรรมการสันติภาพ ว่า ปักกิ่งมีความกังวลจากสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรง และได้ย้ำถึงข้อเรียกร้องที่ต้องการให้ยุติการปฏิบัติการทางทหาร และเรียกร้องให้มีการเจรจาหารือเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง
“ทั้งสองฝ่ายควรใช้กลไกทางทหาร และการทูตระดับสูงระหว่างจีน-พม่า อย่างเหมาะสม เพื่อร่วมกันรักษาไว้ซึ่งความสงบสุข และเสถียรภาพของพื้นที่ชายแดนจีน-พม่า” คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุวันนี้ (30)
การยกระดับความรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันในการต่อสู้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐบาลพม่ากำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในรัฐยะไข่ ที่ส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายพันคนหลบหนีเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ และกลายเป็นอุปสรรคใหม่ต่ออองซานซูจี
การต่อสู้ตามแนวชายแดนก่อนหน้านี้ ได้ผลักดันประชาชนหลายพันคนเข้าไปในฝั่งจีน ซึ่งนายหวัง อี้ ได้แสดงการสนับสนุนต่อกระบวนการสันติภาพภายในพม่า และระบุว่า จีนพร้อมให้ความช่วยเหลือ
“จีนมีความตั้งใจที่สอดคล้องต่อความต้องการของพม่า และเป็นไปตามเงื่อนไขของการไม่แทรกแซงกิจการภายในของพม่า ที่จะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเรื่องนี้” หวัง อี้ กล่าว
กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า ทิน เมียว วิน ได้อธิบายถึงกระบวนการสันติภาพ และระบุว่า พม่าเข้าใจถึงความวิตกของจีน และหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากจีนเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น.