MGRออนไลน์ -- เตรียมการมาเป็นเวลาหลายเดือน เลื่อนมาแล้วหนึ่งครั้งรวมหนึ่งเดือน 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ไม่มีเลื่อนอีก ลาวพร้อมแล้วสำหรับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Tax) ในอัตรา 10% สำหรับสินค้า ที่ผู้เดินทางเข้าประเทศนำติดตัวไปด้วย โดยจะยกเว้นให้ในส่วนที่มูลค่าไม่เกิน 50 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 400,000 กีบ เท่านั้น มาตรการนี้บังคับใช้ กับพลเมืองลาว ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในลาว รวมทั้งชาวต่างชาติทั่วไปที่เดินทางเข้าประเทศโดยทั่วไปอีกด้วย
นอกจากนั้น การยกเว้น 10% VAT ในส่วนที่ไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว ยังบังคับใช้เฉพาะบุคคลที่นำสิ่งของติดตัวเข้าลาว "โดยไม่มีลักษณะเพื่อการค้า" หรือ "ไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้า" ไม่มีลักษณะเดินทางเข้าออกประจำ และ จะยกเว้นให้เฉพาะบุคคล ที่เดินทางเข้าลาวไม่เกินเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้่น มีรายงานเรื่องนี้โดยสื่อของทางการ
มาตรการดังกล่าวกำลังจะเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่สะพานมิตรภาพแห่งนี้ และ ส่งผลโดยตรงต่อชาวลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนครเวียงจันทน์ ที่นิยมเดินทางข้ามแดนมาจับจ่ายซื้อหา สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ทางฝั่งโทย โดยมี จ.อุดรธานี กับ หนองคาย เป็นปลายทางยอดนยิม ซึ่งมีการประเมินกันอย่างไม่เป็นทางการว่า สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และ ผู้ค้าทางฝั่งไทย ปีละหลายพันล้านบาท
สื่อของทางการลาวรายงานก่อนหน้านี้ว่า ในวันปรกติแต่ละวัน จันทร์-ศุกร์จะมีรถยนต์ทะเบียนลาว แล่นข้ามแดนผ่านด่านสะพานมิตรภาพ 1 วันละ 300-350 คัน และ เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 750 คัน ในช่วงวันหยุดกับวันสุดสัปดาห์
กรมภาษี กระทรวงการเงิน ได้ออกประกาศเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% ตั้งแต่เดือน ส.ค. และ ออกคำแนะนำอีกฉบับหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เกี่ยวกับมาตรการและการปฏิบัติ กำหนดขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียด โดยจะจัดเก็บ ณ ด่านชายแดน และ จุดผ่านแดนทุกแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครเวียงจันทน์ และ สนามบินนานาชาติแห่งอื่นๆ ด้วย
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนในขณะนี้ว่า "สินค้า" ที่นำติดตัวเข้าลาวนี้ รวมหมายถึงสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว ที่ผู้ไปเยือนนำติดตัวไปด้วยหรือไม่อย่างไร เช่น ถ้าหากนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ที่ยังมีสภาพใหม่เอี่ยม เพื่อนำไปใช้ในลาว เจ้าของจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่ม 10% ในส่วนที่เกิน 50 ดอลลาร์ด้วยหรือไม่ หรือ มีระเบียบปฏิบัติอย่างไร แต่มาตรการภาษี จะเริ่มบังคับใช้ที่ด่านสะพานมิตรภาพ 1 ซึ่งเป็นประตูเข้าออกลาวใหญ่ที่สุด เป็นแห่งแรก
.
2
3
4
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ปะเทดลาว วันพุธ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา นายบุนโจม อุบนปะเสิด รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเงิน ได้ไปเยี่ยมและตรวจความพร้อม ที่ด่านศุลกากรท่านาแล้ง สะพานมิตรภาพ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ภาษีดำเนินการอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส รวมทั้งแนะนำประชาชนทั่วไปให้ปฏิบัติมาตรการภาษี อย่างเคร่งครัดเช่นกัน
ทางการลาวกล่าวว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% สำหรับสินค้าส่วนเกิน จากส่วนที่ได้รับการยกเว้นนั้น เป็นการสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าขาย เป็นการคุ้มครองผู้ค้าในประเทศ ที่นำเข้าสินค้าโดยเสียภาษีให้แก่รัฐ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ เจ้าหน้าที่ลาวกล่าวก่อนหน้านี้ว่า มาตรการนี้เป็นเรื่อง "ภาษี" เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของลาว ซึ่งเป็นเรื่องภายในประเทศ และ ไม่ใช่การห้ามซื้อสินค้าจากไทย แต่อย่างไร
นายสุดใจ อินทะวง รองหัวหน้าด่านศุลกากรสะพานมติรภาพ 1 ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวของทางการสัปดาห์นี้ ตอกย้ำคำว่า "ไม่มีลักษณะเพื่อการค้า" นั้น เป็นการอนุโลมให้แก่ผู้ที่นำสินค้าข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน เดือนละไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งถ้าหากสิ่งของที่นำกลับ มีมูลค่าไม่เกิน 50 ดอลลาร์ ก็จะไม่ต้องเสียภาษีใดๆ ทั้งสิ้น แต่ครั้งที่ 3 หรือ ในเที่ยวที่ 3 จะต้องเสียภาษีศุลกากรเต็มอัตรา เช่นเดียวกันกับการนำเข้าสินค้าทั่วไป ถึงแม้ว่าสินค้าหรือสิ่งของติดตัว จะมีมูลค่าต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ก็ตาม
ปัจจุบันด่านศุลกากรท่านาแล้ง ได้มีการจัดเตรียมพื้นฐานต่างๆ พร้อมแล้ว สำหรับให้บริการ ซึ่งรวมทั้งการขยายช่องทางจราจร จากเดิม 5 เพิ่มเป็น 8 ช่องในขณะนี้ กรมภาษียังมีความร่วมมือกับ ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BECL) เพื่อให้สามารถจ่ายภาษีได้อย่างสะดวก ทั้งจ่ายเป็นเงินสดผ่านสาขาสะพานมิตรภาพ หรือ จ่ายออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทการ์ดได้อีกด้วย.
"สะพานมิตรภาพ 1" จัดสร้างขึ้นด้วยเงินทุนช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งได้ร่วมกับไทยและลาว จัดเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 20 การเปิดใช้ ในเดือน เม.ย.2557 จนถึงขณะนี้ก็รวมเวลา ที่ใช้งานมา 22 ปีเศษ.