เอเอฟพี - สายการบินของเวียดนามสั่งซื้อเครื่องบินรวม 40 ลำ มูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทแอร์บัสของฝรั่งเศสในวันนี้ (6) ขณะที่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ เดินทางเยือนเวียดนามเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับหนึ่งในชาติที่มีเศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นนี้เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากยักษ์ใหญ่ด้านการบินของเวียดนามที่จะเสริมฝูงบิน และตอบสนองต่อความต้องการของชนชั้นกลางที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในการเดินทางทางอากาศ ทั้งการเดินทางภายในประเทศ และระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ที่เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนที่ 3 ที่เยือนเวียดนาม นับตั้งแต่เวียดนามได้รับเอกราช กล่าวว่า ข้อตกลงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอดีตอาณานิคม ที่มรดกตกทอดยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ทุกหนแห่ง ตั้งแต่อาคารยุคอาณานิคม ไปจนถึงอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส
“เราเห็นพ้องที่จะส่งเสริมให้ทั้งสองประเทศจัดตั้งหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการถ่ายโอนเทคโนโลยี” ผู้นำฝรั่งเศส กล่าว หลังการลงนามข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส
สายการบินเอกชนต้นทุนต่ำ “เวียดเจ็ท” สั่งซื้อเครื่องบินทั้งหมด 20 ลำ ขณะที่สายการบินเวียดนาม ที่เป็นสายการบินแห่งชาติ และสายการบินเจ็ทสตาร์ แปซิฟิก ที่เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ สั่งซื้อรายละ 10 ลำ ในข้อตกลงมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์ ตามการเปิดเผยของโฆษกบริษัทแอร์บัส เอเชีย
นับเป็นข้อตกลงแรกระหว่างบริษัทแอร์บัส และเจ็ทสตาร์ แปซิฟิก จากที่เคยกล่าวไว้ในเดือน ก.ค.ว่า สายการบินกำลังวางแผนจะซื้อเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 10 ลำ
สายการบินเวียดนาม ที่ถือหุ้น 70% ในสายการบินเจ็ทสตาร์ แปซิฟิก จะสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350 จำนวน 10 ลำ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ ในพิธีลงนามที่มีประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเวียดนามเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในกรุงฮานอย
ส่วนสายการบินเวียดเจ็ท ระบุว่า บริษัทจะซื้อเครื่องบิน A321 จำนวน 20 ลำ เพื่อเสริมฝูงบินที่ในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 34 ลำ ที่เป็นเครื่องบินแอร์บัสทั้งหมด
.
.
.
ข้อตกลงของสายการบินเวียดเจ็ท มีขึ้นหลังจากบริษัทสั่งซื้อเครื่องบินโดยสาร 100 ลำ จากบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกัน มูลค่า 11,300 ล้านดอลลาร์ ในเดือน พ.ค. ระหว่างการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ถือเป็นข้อตกลงการซื้อเครื่องบินพาณิชย์แบบเดียวจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การบินของประเทศ
ประธานาธิบดีออลลองด์ ที่เดินทางถึงเวียดนาม พร้อมกับผู้นำนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสประมาณ 40 คน จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในวันนี้ (6) หารือกับผู้นำระดับสูงของเวียดนามในกรุงฮานอย
หลังจากนั้น จะเดินทางลงใต้ไปยังนครโฮจิมินห์ เพื่อพบกับผู้ประกอบการชาวฝรั่งเศส รวมทั้งบางส่วนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตของเวียดนาม
ประธานาธิบดีเจิ่น ได กวาง ของเวียดนาม กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองชาติได้หารือถึงเสรีภาพในการเดินเรือที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับฮานอยที่ขัดแย้งกับปักกิ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงการอ้างกรรมสิทธิในทะเลจีนใต้
“ผมและท่านประธานาธิบดีมุ่งมั่นที่จะเคารพในกฎหมายทางทะเลและมหาสมุทร เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะคงไว้ซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือ และการบิน ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ไม่ใช้ หรือข่มขู่ที่จะใช้ความรุนแรงบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ” ผู้นำเวียดนาม กล่าว
ความตึงเครียดระหว่างฮานอย และปักกิ่งปะทุขึ้นในปี 2557 เมื่อจีนเคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปในน่านน้ำพิพาท ก่อให้เกิดเหตุจลาจลโกรธแค้นในเวียดนาม
วาระการประชุมอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไม่รวมถึงแผนการใดๆ ที่จะหารือถึงประเด็นสิทธิมนุษยชน หรือเสรีภาพในการแสดงความเห็นในประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ที่บล็อกเกอร์ และผู้เห็นต่างมักถูกจำคุกจากการวิพากษ์วิจารณ์การปกครอง
กลุ่มสิทธิมนุษยชน 3 กลุ่ม ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำฝรั่งเศสเรียกร้องให้ประธานาธิบดีออลลองด์ กดดันผู้นำเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนระหว่างการเยือนครั้งนี้.
.
.
