MGRออนไลน์ -- ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ได้ออกปกป้องบุตรชายคือ พลโทฮุนมาเนต เกี่ยวกับการกำเนิด หลังจากมีข่าวเล่าลือในโลกออนไลน์มาเป็นเวลานานว่า บุตรชายคนโตซึ่งปัจจุบัน เป็นนายทหารผู้มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในกองทัพ นั้นเป็นลูกติดจาก การมีความสัมพันธ์ระหว่างสตรีหมายเลข 1 กับ อดีตผู้นำเวียดนาม ที่ทรงอำนาจอิทธิพลคนหนึ่ง
นรม.กัมพูชากล่าวถึงเรื่องนี้ ระหว่างปราศรัยในพิธีสำเร็จการศึกษา ของนักศึกษาสถาบันการศึกษาแห่งชาติในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. โดยระบุว่า ข้อครหาดังกล่าวนับเป็น "การหยามหมิ่นอย่างร้ายแรง" ซึ่งเป็นการกระทำของพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ Cambodia's National Rescue Party เป็นพรรคฝ่ายค้าน
"ไม่มีเหตุผลอย่างสิ้นเชิง ที่พวกเขาจะนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า ฮุนมาเนตไม่ใช่บุตรชายของฮุนเซน และ เรียกร้องให้มีการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์อีก" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว ก่อนจะสำทับว่า จะเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ตามกฎหมาย มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์ข่าวกัมพูชาหลายแห่ง และ เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงข้ามวันมานี้
ผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดในกัมพูชากล่าวอีกว่า ตนเองเป็นคนขัดขวางบุตรชาย ที่เคยเสนอให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นที่กระจ่าง ด้วยการตรวจดีเอ็นเอ ทั้งกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวของพรรคฝ่ายค้าน เป็นวิธีการ "ราคาถูก"
อย่างไรก็ตาม พรรค CNRP ได้ออกคำแถลงในวันเดียวกัน ปฏิเสธการเกี่ยวข้องใดๆ ในเรื่องนี้
นรม.กัมพูชายังให้สัมภาษณ์ในตอนค่ำอีกครั้งหนึ่ง โดยกล่าวสำทับว่า ฝ่ายค้านจะต้อง "จ่ายราคาแพง" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขให้ถูกต้อง
"ผมไม่เชื่อคำแถลง (ของพรรค CNRP) เพราะว่า มันไม่ได้ประณามคนที่หยามหมิ่นตัวผม ภรรยาและลูกๆ ของผม" นรม.กัมพูชากล่าว
ความจริงแล้ว ข่าวเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีมาเป็นเวลาหลายปี โดยไม่ทราบที่มา โดยเป็นการเล่าขานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในช่วงปีที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งเป็นนายทหารระดับผู้บังคับกองพันคนหนึ่ง ของกองทัพรัฐบาลเขมรแดงที่นำโดยกลุ่มโปลโป้ท เอียงสารี กับนายเคียวสมพร ได้แปรพักตร์ หันไปสวามิภักดิ์เวียดนาม อาศัย ฝึกอาวุธ ซ่องสุมผู้คนอยู่ในดินแดนเวียดนาม
.
2
3
ข่าวเล่าลือกล่าวว่า ในระหว่างไปฝึกอบรม เตรียมการ และ อาศัยอยู่ในดินแดนเวียดนามนั้น สตรีหมายเลข 1 คือ ท่านผู้หญิง กิตติพฤฒิบัณฑิต ดร.บุนรานี ฮุนเซน ภริยา ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสาวงามคนหนึ่ง ได้ไปมีความสัมพันธ์กับ นายเลดึ๊กเถาะ (Le Duc Tho) อดีตกรมการการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์ อดีตผู้นำทางการทหาร และ เป็นผู้แทนเวียดนามเหนือ เดินทางไปเจรจาเซ็นสัญญาสันติภาพ กรุงปารีส กับนายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เมื่อปี พ.ศ.2516
คณะกรรมการรางวัลโนเบลได้ประกาศมอบรางวัลสาขาสันติภาพ ประจำปีนั้นให้แก่นายคิสซิงเจอร์ คู่กับนายเถาะ แต่ฝ่ายหลังปฏิเสธที่จะรับ โดยระบุว่ายังไม่มีสันติภาพในเวียดนาม
นายเถาะปฏิบัติงานอยู่ในภาคใต้ตลอด ในฐานะหัวหน้าคนสำคัญของแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเวียดนาม หรือ "เวียดกง" และ นำพลพรรคเข้าร่วมการโจมตีบุกยึดกรุงเก่าไซ่ง่อนได้สำเร็จ ในวันที่ 30 เม.ย.2518 และ หลังจากนั้นยังคงประจำอยู่ในภาคใต้ ซึ่งได้ทำให้ข่าวลือเกี่ยวกับบุตรชายคนโตของ นรม.กัมพูชา ดูเป็นจริงเป็นจัง..
อย่างไรก็ตาม พล.ท.ฮุนมาเนต มิใช่บุตรคนแรกของครอบครัวผู้นำ..
นรม.กัมพูชาเคยบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า บุตรคนแรกจริงๆ ก็เป็นทารกเพศชาย เกิดในฐานที่มั่นในช่วงปีแห่งสงครามยึดอำนาจ แต่ได้เสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากถูกหมอเขมรแดงผู้ทำคลอด ปล่อยให้หลุดจากมือโดยเจตนา ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงปีโน้น เขมรแดงไม่มีนโยบายให้พลพรรคมีบุตรธิดา เนื่องจากเป็นภาระที่หน่วงเหนี่ยวการปฏิวัติ
ปัจจุบันครอบครัวผู้นำกัมพูชา มีบุตรและธิดาทั้งหมด 5 คน ซึ่งได้แก่ พล.ท.ฮุนมาเนต นางฮุนมะนา พล.ต.ฮุนมานิต นายฮุนมะนี กับ นางฮุนมาลี ทุกคนล้วนสมรสกับทายาท ในวงศาคณาญาติ กลุ่มผู้นำในพรรคประชาชนกัมพูชา และในคณะรัฐบาลด้วยกันเอง
.
สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาติดต่อกันมาเป็นเวลา 34 ปี โดยไม่เคยขาดช่วง แม้กระทั่งในช่วงปีที่พรรคประชาชนกัมพูชา พ่ายแพ้การเลือกตั้งแบบหมดรูป สมเด็จฯ ก็ยังได้เป็น "นายกรัฐมนตรีคนที่ 2" ร่วมกับอดีตกรมพระนโรดมรณรฤทธิ์
ปัจจุบันอายุ 64 ปี ผู้นำกัมพูชากำลังเร่งระดมหาเสียง เพิ่มคะแนนนิยมทุกวิถีทาง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งในปี 2561 ตามที่เคยประกาศเอาไว้ว่า จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนอายุ 72 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยประกาศว่า จะอยู่ต่อไปจนถึงอายุ 90 ตราบเท่าที่ชาวกัมพูชายังลงคะแนนหย่อนบัตรให้.