รอยเตอร์ - ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้กัมพูชาทำให้แน่ใจว่าระบบศาลมีความยุติธรรม และป้องกันภัยคุกคาม และความรุนแรง ในขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองนำพาประเทศเข้าใกล้จุดพลิกผันอันตรายยิ่งขึ้น
โรนา สมิธ ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชา กล่าวว่า การแข่งขันทางการเมืองได้นำก่อให้เกิดความรุนแรงต่อสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน และการใช้กลไกทางศาลในทางที่ไม่เหมาะสม เมื่อความสนใจมุ่งไปที่การเลือกตั้งปี 2561
“กฎหมายทุกข้อต้องนำไปใช้อย่างเท่าเทียม ต่อทุกพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคเหล่านั้นเพื่อรับประกันการปกป้องคุ้มครองพื้นที่ประชาธิปไตยก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง” สมิธ กล่าวในการแถลงข่าวในกรุงพนมเปญ
“สถานการณ์ทางการเมือง ที่รวมทั้งภัยคุกคามต่างๆ กระบวนการพิจารณาคดีของศาล และแม้กระทั่งการทำร้ายร่างกายของสมาชิกฝ่ายค้าน เป็นสิ่งที่น่าวิตก” สมิธ กล่าว
แม้ประเทศจะหลุดออกจากยุคสงครามมาสู่การเป็นตลาดชายขอบที่สดใส แต่กัมพูชาเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง ด้วยพรรคการเมืองคู่แข่งทะเลาะวิวาทกัน และนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเตรียมที่จะเผชิญการเลือกตั้งที่อาจเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของการปกครองกว่า 3 ทศวรรษของตนเอง
ช่องว่างระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของฮุนเซน และพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่เป็นฝ่ายค้าน ขยับใกล้เข้ามามากขึ้นในการเลือกตั้งปี 2556 ที่จุดชนวนวิกฤตทางรัฐสภานานนับปี แม้ต่อมาสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงแต่ก็ขัดแย้งกันอีกในปี 2558
สมาชิกพรรค CNRP 11 คน ถูกตัดสินจำคุกในเดือนก.ค. จากการชุมนุมประท้วงผิดกฎหมาย และอีก 2 คน ถูกทำร้ายนอกรัฐสภาเมื่อ 3 เดือนก่อน นอกจากนั้น การออกหมายจับกุมตัวสม รังสี หัวหน้าพรรค CNRP จากข้อหาหมิ่นประมาทในหลายคดีความ ทำให้สม รังสี ตัดสินใจลี้ภัย
สมิธ ยังยกข้อวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงต่อสตรี การบังคับย้ายที่ และการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ และระบุว่า บรรยากาศทางการเมืองเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่การเยือนครั้งล่าสุดของเธอในเดือน ก.ย.