เนปีดอ (เอเอฟพี) - อองซานซูจี จะเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศ ในรัฐบาลพลเรือชุดแรกของประเทศในรอบหลายทศวรรษ พรรค NLD ของนางกล่าวเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับการให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเข้าตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะถูกกีดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้ปวารณาตัวเอง ที่จะบริหารประเทศผ่านผู้ที่นางเลือกขึ้นมา เพื่อครองตำแหน่งประธานาธิบดี คือ นายถิ่นจอ (Htin Kyaw) ในคณะรัฐบาลที่กำลังจะเข้าบริหารในสัปดาห์หน้านี้ สำหรับประเทศที่เคยถูกปกครองโดยทหารตลอดมา
นางซูจี เป็นสตรีเพียงคนเดียว และเป็นเพียงหนึ่งในหกของสมาชิกพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ในรายชื่อที่ประธานรัฐสภา คือ นายมานวินคายตาน (Mann Win Khaing Than) อ่านนำเสนอต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันอังคาร แต่ไม่ได้ระบุตำแหน่งชัดเจนว่า นางซูจี กับคนอื่นๆ จะเข้าดำรงตำแหน่งใดบ้าง
แต่โฆษก NDL นายซอมี้นหม่อง (Zaw Myint Maung) ยืนยันในเวลาต่อมาว่า นางซูจี จะเป็น รมว.ต่างประเทศ และยังพูดเป็นนัยอีกว่า ผู้นำของพรรค อาจจะรับอีกหลายบทบาท โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นอะไรบ้างอีกเช่นกัน
.
.
.
“โดยหลักๆ ก็คือ ท่านจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ถ้าหากท่านต้องการเข้ามีส่วนร่วมในบทบาทหน้าที่ในกระทรวงอื่นๆ ซึ่งมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติ ท่านสามารถมอบหมายหน้าที่ต่างๆ ให้ได้” โฆษกกล่าว
เมื่อวันอังคารมีการเสนอรายชื่อรัฐมนตรีเพียง 15 คนเท่านั้น สำหรับ 18 กระทรวงที่รัฐบาลพลเรือนเป็นฝ่ายเลือก ทำให้เกิดการคาดเดาว่า นางซูจี ยังจะเข้ารับอีกหลายตำแหน่งพร้อมกัน
เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ปัจจุบันอายุ 70 ปี เป็นบุตรีของวีรชนผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราช และเป็นเสาหลักของขบวนการประชาธิปไตยของประเทศ ซึ่งตลอดครึ่งศตวรรษภายใต้การปกครองของฝ่ายหทาร มีทั้งการต่อสู้ด้านขวัญกำลังใจ และหลายครั้งเต็มไปด้วยความรุนแรง
แต่นางซูจี ถูกกีดกันจากตำแหน่งประธานาธิบดีโดยรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยคณะปกครองทหารเมื่อก่อน เนื่องจากมีบุตร และสามีที่ถึงแก่กรรมแล้วเป็นชาวอังกฤษ
ในช่วงหลายปีมานี้ พม่าได้เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่น่าชื่นชม เบ่งบานขึ้นมาจากการโดดเดี่ยวตัวเองภายใต้คณะปกครองทหาร กลายมาเป็นประเทศที่เจิดจ้ามีชีวิตชีวาขึ้นมาตามลำดับ
การเปิดกว้างทางการเมืองของพม่านำมาสู่จุดสูงสุด คือ การเลือกทั่วไปตั้งเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งพรรค NLD มีชัยอย่างท่วมท้นเด็ดขาด แต่ประเทศนี้ยังคงเผชิญหน้าต่อการท้าทายมากมาย รวมทั้งกองทัพที่ยังคงแข็งกร้าว ซึ่งมองนางซูจี กับพรรคด้วยความสงสัยตลอดหลายปีมานี้.
