รอยเตอร์ - เวียดนาม ทำเรื่องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อจีน และเลขาธิการสหประชาชาติในวันนี้ (19) ระบุว่า เวียดนามมีความวิตกอย่างมากต่อการติดตั้งระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศบนเกาะพิพาทในทะเลจีนใต้ ขณะที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เรียกร้องจีนระงับกิจกรรมต่างๆ
ความตึงเครียดระหว่างจีน และประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับดินแดนทางทะเลเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ไต้หวัน และสหรัฐฯ ระบุว่า ปักกิ่งได้ติดตั้งระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ บนเกาะวู้ดดี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะพาราเซล ที่จีนครอบครองอยู่
“เวียดนามรู้สึกวิตกอย่างมากต่อการกระทำของจีน สิ่งเหล่านี้เป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะพาราเซล คุกคามสันติสุข และความมั่นคงในภูมิภาค ตลอดจนความปลอดภัย และเสรีภาพของการเดินเรือ และการเดินทางทางอากาศ” เล หาย บิ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
“เวียดนามต้องการให้จีนยุติการกระทำที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้โดยทันที”
คำแถลงที่รอยเตอร์ได้รับระบุว่า หนังสือทางการทูตดังกล่าวมีถึงสถานทูตจีนในกรุงฮานอย และบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติเพื่อประท้วงกิจกรรมของปักกิ่ง รวมทั้งการก่อสร้างฐานเฮลิคอปเตอร์ทหารบนเกาะดันแคน
ก่อนหน้านี้ มัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้เรียกร้องต่อบรรดาผู้ที่อ้างสิทธิระงับการสร้างเกาะเทียม และเสริมกำลังทหารในทะเลจีนใต้
“มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องแน่ใจว่าความตึงเครียดได้ลดระดับลง” เทิร์นบูล กล่าว หลังการประชุมในซิดนีย์ กับ จอห์น คีย ์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์
จีนอ้างสิทธิอธิปไตยเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และเชื่อกันว่ามีแหล่งน้ำมัน และก๊าซปริมาณมหาศาล โดยเวียดนาม มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน ต่างก็อ้างสิทธิอธิปไตยเหนือพื้นที่บางส่วนของทะเลจีนใต้เช่นกัน
ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับรายงานขีปนาวุธที่ถูกติดตั้งบนเกาะวู้ดดี้
“ความเคลื่อนไหวเหล่านี้บ่อนทำลายความเชื่อมั่น และไว้วางใจ และซ้ำเติมสถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้ว” คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุ
นายกฯ เทิร์นบูล ของออสเตรเลีย กล่าวว่า หากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จริงจังเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงกับดักทูซีดิดีส (Thucydides Trap) นโยบายต่างประเทศที่ได้แรงบันดาลใจจากเอเธนส์ และสปาร์ตา ที่อำนาจที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดความหวาดกลัวจนยกระดับไปสู่สงคราม ผู้นำจีนควรต้องแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
ปักกิ่ง ไม่พอใจที่สหรัฐฯ ทำการลาดตระเวนทั้งทางอากาศ และทางทะเลเข้าใกล้หมู่เกาะที่จีนอ้างสิทธิอยู่ ที่รวมทั้งการลาดตระเวนของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ในเดือน พ.ย. และเรือพิฆาตที่แล่นเข้าใกล้เกาะไทรทัน ในหมู่เกาะพาราเซล เมื่อเดือนก่อน
ด้านผู้นำนิวซีแลนด์ เรียกร้องให้จีนดำเนินมาตรการที่จะลดระดับความตึงเครียดลง โดยระบุว่า ทั้งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่างเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเอเชียที่จีนเป็นผู้นำ
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลัง จูลี บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย เดินทางเยือนปักกิ่ง ที่เธอได้ยกประเด็นปัญหาของขีปนาวุธ และทะเลจีนใต้ขึ้นหารือในการประชุมกับเจ้าหน้าที่จีน รวมทั้ง หยาว เจียฉือ นักการทูตระดับสูงของจีน
หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในทะเลจีนใต้ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะมีมุมมองอย่างไม่อคติต่อการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของทะเลจีนใต้ ไม่เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง และไม่ผลักดันข้อเสนอที่ไม่สร้างสรรค์
รัฐบาลจีนให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยต่อการกล่าวอ้างเรื่องขีปนาวุธ ขณะเดียวกัน ได้กล่าวหาว่าสื่อตะวันตกกุเรื่อง และกล่าวว่า จีนมีสิทธิชอบธรรมตามกฎหมายต่อสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารบนดินแดนที่จีนมองว่าเป็นเจ้าของ
ด้านสื่อของทางการจีนที่มีอิทธิพลอย่าง โกลบอลไทม์ส ระบุในบทบรรณาธิการฉบับวันศุกร์ (19) ว่า ขีปนาวุธ HQ-9 ที่ปรากฏอยู่บนเกาะวู้ดดี้ เป็นประเภทอาวุธเพื่อการป้องกัน แต่เตือนว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนอาจรู้สึกถูกบังคับให้ต้องติดตั้งอาวุธเพิ่ม
“หากกองทัพสหรัฐฯ แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามที่แท้จริง และการปะทะกันทางทหาร กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนอาจรู้สึกถูกบังคับให้ต้องระดมอาวุธเพิ่มมากขึ้น” บทบรรณาธิการระบุ
ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันจันทร์ (15) นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ของเวียดนามได้แนะนำต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่า วอชิงตันควรดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการต่อต้านการเสริมกำลังทหาร และการสร้างเกาะในทะเลจีนใต้.