xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามบอกส่งออกข้าวยังได้เปรียบ แม้ไทยประกาศระบายสต๊อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ภาพแฟ้มรอยเตอร์เผยให้เห็นคนงานตรวจดูการขนถ่ายกระสอบข้าวนำเข้าจากเวียดนามขึ้นท่าเรือที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ถือเป็นหนึ่งในลูกค้าที่นำเข้าข้าวจากเวียดนามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ด้านสมาคมอาหารเวียดนามแสดงความมั่นใจว่าการส่งออกข้าวของประเทศในปีนี้ ยังได้เปรียบหลายอย่าง แม้ไทยประกาศขายข้าวในสต็อก ที่อาจส่งผลกระทบให้ราคาข้าวลดลงก็ตาม. -- Reuters/Romeo Ranoco.</font></b>

เวียดนามเน็ต - เวียดนาม เผยว่ายังมีข้อได้เปรียบอีกมากในการส่งออกข้าวปีนี้ แม้ประเทศอาจต้องแข่งกับข้าวไทยในตลาดส่งออกโลก เมื่อไทยขายข้าวในสต๊อกก็ตาม

ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ประกาศขายข้าวในสต๊อกในอนาคตอันใกล้นี้ ที่จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะดึงราคาข้าวให้ตกลง และอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อการส่งออกข้าวเวียดนาม

แต่แม้ว่าไทยจะส่งเสริมการส่งออกข้าวคงคลังให้แก่ตลาดดั้งเดิมของเวียดนาม เช่น จีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ข้าวของเวียดนามก็ยังคงสามารถแข่งในตลาดเหล่านั้นได้ด้วยมองว่าไทยมีปริมาณข้าวน้อยกว่า ขณะที่ความต้องการจากประเทศเหล่านั้นต้องการนำเข้าข้าวสูง

ฮวีง วัน ทน ประธานกลุ่มบริษัท Loc Troi กล่าวว่า ไม่ใช่ทุกบริษัทในตลาดดั้งเดิมต้องการนำเข้าข้าวคงคลัง ดังนั้น ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามยังมีโอกาสที่จะเสนอข้าวใหม่ให้แก่ตลาดเหล่านั้น สำนักข่าวเวียดนามรายงาน

เหวียน วัน เตียน ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัทร่วมทุนนำเข้า-ส่งออก อานซยาง เห็นพ้องว่า มีความเสี่ยงที่ราคาข้าวจะลดลงในปีนี้เพื่อแข่งกับข้าวคงคลังของไทย แต่ตลาดโลกจะได้รับผลกระทบอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายการดำเนินการเกี่ยวกับข้าวคงคลังของรัฐบาลไทย

ฮวีง มีง เหว เลขาธิการสมาคมอาหารเวียดนาม อ้างคำกล่าวของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ผลผลิตข้าวโลกในฤดูเพาะปลูก 2558-2559 ลดลง 1.9% ที่ 469.3 ล้านตัน โดยลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ด้วยสาเหตุหลักจากปรากฏการณ์เอลนิโญ ที่ทำให้ผลผลิตลดลงในหลายประเทศ

ส่วนการบริโภคในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 484.6 ล้านตัน ส่งผลให้อัตราการบริโภคสูงกว่าผลผลิตติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นำไปสู่การลดลงของสต๊อกข้าว

“แต่โดยทั่วไปการบริโภคข้าวของเวียดนามในปีนี้จะดีขึ้น” ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม กล่าว

ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม ยังระบุว่า ในปีนี้สมาคมจะมุ่งความสนใจไปที่การส่งเสริมการส่งออกให้แก่ตลาดดั้งเดิม และประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย ที่ประกอบด้วย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพิ่มการส่งออกข้าวหอมไปยังฮ่องกง และสิงคโปร์ นอกจากนั้น สมาคมจะพยายามหาทางเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมในแอฟริก าและค่อยๆ กู้คืนตลาดข้าวขาว

สมาคมจะพยายามดำเนินการเพื่อให้ข้าวของประเทศสามารถบุกไปยังตลาดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับเวียดนาม และจะมุ่งเน้นที่การสร้างมูลค่า และตราสินค้าให้แก่ข้าวของประเทศ

เหวียน วัน เตียน กล่าวว่า ตลาดเอเชียมีความต้องการข้าว แต่เวียดนามจะเผชิญต่อการแข่งขันอย่างหนักจากไทย และปากีสถาน ขณะที่การส่งออกข้าวหอม และข้าวคุณภาพสูงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ เนื่องจากมีความต้องการสูงจากตลาดจีน และแอฟริกา

เหวียน วัน เตียน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการตรวจสอบคุณภาพการส่งออก เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศ และขายให้แก่ตลาดที่ต้องการ ขณะเดียวกัน สมาคมอาหารเวียดนามควรจัดหาข้อมูลการคาดการณ์ตลาดที่ทันสมัยให้แก่กิจการต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลควรดำเนินการปราบปรามการใช้สารเคมีในการผลิตข้าวด้วย

สมาคมอาหารเวียดนามคาดการณ์ว่า การส่งออกข้าวของประเทศในปีนี้ ที่ไม่รวมถึงการค้าบริเวณชายแดน คาดว่าจะยังคงอยู่ที่ 6.5 ล้านตันเช่นปีก่อน

เมื่อปีที่ผ่านมา การส่งออกข้าวของเวียดนามทำรายได้ 2,680 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.94% ในแง่ของมูลค่า โดยประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ที่สัดส่วน 74.5% ของการส่งออก รองลงมาคือ แอฟริกา ที่ 13.77% และสหรัฐฯ ที่ 6.72%.
กำลังโหลดความคิดเห็น