รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเต็งเส่ง เรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ ทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของชาติ และกล่าวว่า เขาจะช่วยเหลือรัฐบาลใหม่ของอองซานซูจี
ประธานาธิบดีได้กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาที่กำลังจะหมดวาระการทำงานนาน 5 ปี ในวันนี้ (29) รวมทั้งผู้ที่ถูกเลือกจากการเลือกตั้งที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจีกวาดไปอย่างท่วมท้น โดยเต็งเส่ง ย้ำว่า เป็นความสำเร็จทีิ่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวาระการทำงานของตนเอง
เต็งเส่ง ที่เข้าครองอำนาจในปี 2554 สร้างความประหลาดใจให้แก่ประชาคมโลกด้วยการดำเนินการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศจากชาติที่ยากจน และโดดเดี่ยวตัวเองมาสู่หนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก
เต็งเส่ง ได้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยกเลิกการเซ็นเซอร์ ทำให้การชุมนุมประท้วง และสหภาพแรงงานเป็นสิ่งถูกกฎหมาย พยายามสร้างสันติภาพต่อกลุ่มกบฏชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ และผลักดันผ่านการออกกฎหมายในทุกด้านตั้งแต่การปฏิรูปที่ดิน ไปจนถึงกรลงทุนจากต่างชาติ
สำหรับผลงานสุดท้ายในอำนาจของ เต็งเส่ง คือ การจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ที่ได้รับเสียงชื่นชนจากผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ และการทำงานในการถ่ายโอนอำนาจให้แก่รัฐบาลของอองซานซูจี
“ในฐานะพรรคที่ได้รับชัยชนะจำเป็นที่จะต้องทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติ ส่วนพรรคเล็กพรรคน้อยก็ต้องร่วมมือเช่นกัน และบางครั้งการวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศ และรัฐบาลของเราจะช่วยรัฐบาลชุดใหม่” ประธานาธิบดีเต็งเส่ง วัย 70 ปี กล่าว ซึ่งจะก้าวลงจากตำแหน่งในปลายเดือน มี.ค.
“ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่หันกลับไปสู่สถานการณ์ดังเช่นในอดีต ผมได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมที่สุดด้วยสิทธิ และอำนาจในฐานะประธานาธิบดี เราพยายามที่จะลืมความรู้สึกส่วนตัว และทำงานเพื่อชาติ และประชาชน” ผู้นำพม่า กล่าว
รัฐสภาใหม่ที่พรรค NLD ครองที่นั่งส่วนใหญ่ ซึ่งจะประชุมกันในวันจันทร์ (1) จะเลือกประธานสภา และตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในสภา ก่อนเลือกประธานาธิบดีในอีก 2-3 สัปดาห์ถัดไป
สภาสูง สภาล่าง และกลุ่มทหารในรัฐสภาจะเสนอชื่อประธานาธิบดีฝ่ายละ 1 ชื่อ หลังจากนั้นสองสภาจะร่วมกันลงมติเลือกประธานาธิบดีจากผู้สมัครทั้ง 3 คน ซึ่งผู้ชนะจะเป็นประธานาธิบดี และตั้งรัฐบาล
พรรค NLD ที่ชนะที่นั่งในสภาราว 80% มีเสียงมากพอในสภาที่จะเลือกประธานาธิบดีของตัวเอง แต่ซูจี จะไม่มีสิทธิในตำแหน่งดังกล่าวด้วยรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลทหารร่างขึ้นระบุห้ามผู้ที่สมรส หรือมีทายาทเป็นชาวต่างชาติทำหน้าที่ดังกล่าว.