เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าค้นหากองดินโคลนจากการทำเหมืองแร่ในวันนี้ (26) หลังเกิดเหตุดินถล่มรอบใหม่ทับฝังร่างคนงานที่คาดว่ามีหลายสิบคนในพื้นที่ทำเหมืองหยกห่างไกลทางภาคเหนือของประเทศ นับเป็นเหตุดินถล่มครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
เหตุดินถล่มครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นในบ่ายวันศุกร์ (25) ในเมืองผากัน รัฐกะฉิ่น ที่เป็นจุดศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหมืองหยกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของประเทศ
“ขั้นตอนการกู้ภัยเริ่มขึ้นแล้ว และเรากำลังค้นหาร่างผู้เสียชีวิต แต่เรายังไม่สามารถบอกจำนวนได้” นีลา มี้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารเมืองผากัน กล่าว
ช่างภาพของสำนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ระบุว่า เครื่องมือขุดดินถูกนำมาใช้ขุดค้นหาผู้ประสบภัยที่อยู่ใต้ซากดิน ซากปรักหักพังที่เลื่อนถล่มลงมาจากเนินเขาสูงชัน
คนท้องถิ่นรายงานคาดว่า อาจมีคนถูกดินถล่มทับฝังร่างผู้เคราะห์ร้ายอยู่มากถึง 50 คน แต่เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยข้องในปฏิบัติการกู้ภัยระบุว่า จำนวนน่าจะต่ำกว่านั้น
“จากสิ่งที่เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านใกล้เคียงบอกแก่เรา ตอนนี้มีคนหายไปเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น” เมียว เต๊ต อ่อง จากสำนักงานบริหารเมืองผากัน กล่าว
จนถึงบ่ายวันเสาร์ (26) เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขายังคงไม่พบร่างผู้ประสบภัยคนใด
ในพื้นที่เดียวกันนี้เคยเกิดเหตุดินถล่มขนาดใหญ่เมื่อเดือนก่อนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน
ภูมิภาคนี้อยู่ห่างไกล สัญญาณโทรศัพท์ครอบคลุมเพียงเล็กน้อย และถนนหนทางไม่ดีทำให้เป็นเรื่องยากที่จะได้รับข้อมูลที่แม่นยำ และรวดเร็วหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุดินถล่มส่วนใหญ่เป็นคนงานที่ขุดคุ้ยหาเศษหยกจากกองดินของเสียเหลือทิ้งของบริษัททำเหมืองขนาดใหญ่ในความหวังที่จะมีก้อนหยกหลุดรอดมาเพื่อช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากจน
พม่า เป็นแหล่งหยกคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หินสีเขียวใกล้โปร่งแสงที่มีค่าในจีน รู้จักกันในฐานะ “หินแห่งสวรรค์”
ภูมิทัศน์ของเมืองผากันกลายเป็นที่ราบโล่ง สิ่งแวดล้อมถูกทำลายเสียหายเมื่อบริษัทต่างๆ ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าขุดหาหินล้ำค่าจากพื้นดิน
ในขณะที่บริษัททำเหมืองที่หลายรายมีความเชื่อมโยงกับนายทหารในยุครัฐบาลเผด็จการทหารกอบโกยเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่คนท้องถิ่นต่างบ่นว่า พวกเขาเข้าไม่ถึงเงินเหล่านั้น
ในรายงานเดือน ต.ค. กลุ่ม Global Witness ประเมินว่า มูลค่าหยกพม่าที่ผลิตในปี 2557 เพียงปีเดียวอยู่ที่ 31,000 ล้านดอลลาร์ และระบุว่า การค้าอาจเป็นการปล้นทรัพยากรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่
ชาวบ้านพยายามโน้มน้าวรัฐบาลกึ่งพลเรือนที่เข้าแทนที่รัฐบาลทหารบังคับให้บริษัททำเหมืองจำกัดการขยายวงการทำเหมือง แต่คำร้องของชาวบ้านก็ไร้ผล
พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ของซูจี ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. และจะตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในปีหน้า แต่พรรคยังไม่ระบุถึงแผนการที่ชัดเจนใดๆ สำหรับการค้าหยก นอกเหนือไปจากคำมั่นว่า จะจัดสรรให้ยุติธรรมมากขึ้นในผลกำไรจากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า การปฏิรูปจะเป็นเรื่องยากด้วยผลประโยชน์ในการค้าที่ทหารครอบครองอยู่ และความห่างไกลของเหมืองหลายแห่ง ที่บางแห่งอยู่ในมือของกลุ่มกบฏติดอาวุธชาติพันธุ์.