xs
xsm
sm
md
lg

เกิดเหตุดินถล่มเหมืองหยกพม่าดับอย่างน้อย 90 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มเรียงกันอยู่บนพื้นในพื้นที่เหมืองหยกในเมืองผากัน รัฐกะฉิ่น วันที่ 22 พ.ย. เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน จากเหตุดินถล่มครั้งใหญ่นี้. -- Agence France-Presse/Stringer.</font></b>

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่พม่าเผยวันนี้ (22) ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มอย่างน้อย 90 คน ในพื้นที่ทำเหมืองหยกห่างไกลในภาคเหนือของพม่า และทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องในเหตุภัยพิบัติร้ายแรงที่เกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมหยกของประเทศ

ผู้ที่เสียชีวิตคาดว่าจะเป็นผู้ที่ค้นหาสิ่งที่ยังใช้ได้จากภูเขาที่เต็มไปด้วยกองดินที่ถูกถมทิ้งจากรถขุดของบริษัทเหมืองในพื้นที่เพื่อสกัดหาหินที่มีมูลค่าสูง

ดินถล่มถมทับกระท่อมบอบบางหลายสิบหลังที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นที่แห้งแล้ง ซึ่งไม่สามารถทราบจำนวนคนงานได้อย่างแน่ชัดที่หวังหาความร่ำรวยจากฝั่งหนึ่งของพื้นที่อุตสาหกรรมหยกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในรัฐกะฉิ่นแห่งนี้

“เราพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 79 ร่าง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. และอีก 11 ร่างในวันนี้ (22) ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในตอนนี้อยู่ที่ 90 คน” นีลา มี้น เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานท้องถิ่นในเมืองผากัน รัฐกะฉิ่น กล่าว

“เราหาแต่ร่างผู้เสียชีวิต และไม่มีใครรู้ว่าพื้นที่นี้มีคนอาศัยอยู่เท่าไหร่” นีลา มี้น กล่าว

หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ รายงานว่า คนงานเหมืองจำนวนมากกำลังนอนหลับอยู่ในกระท่อมในช่วงเวลาที่เกิดเหตุดินถล่ม

อุตสาหกรรมหยกของพม่าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่โปร่งใสอย่างมาก และหยกส่วนใหญ่ที่ขุดได้ในเมืองผากัน เชื่อว่าถูกลักลอบส่งไปจีนที่หยกนั้นมีมูลค่าสูง

ตามการระบุของนักวิจัยจากองค์กรสอบสวนการทุจริตจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ Global Witness ที่ตีพิิมพ์รายงานเกี่ยวกับภาคส่วนนี้เมื่อต้นปี ระบุว่า มูลค่าการผลิตหยกในพม่าคาดว่าสูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2557

รายงานยังระบุว่า เหมืองหยกจำนวนมากมีความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล สมาชิกกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และพวกพ้องที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตรัฐบาลเผด็จการทหาร.
.
<br><FONT color=#000033>ทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยค้นหาร่างคนงานที่เสียชีวิตจากดินถล่มในพื้นที่เหมืองหยกในเมืองผากัน วันที่ 22 พ.ย. -- Agence France-Presse/Stringer.</font></b>
กำลังโหลดความคิดเห็น