รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาออกโรงปกป้องนโยบายพลังงานของรัฐบาลในวันพุธ (23) และโต้กลับนักสิ่งแวดล้อมที่คัดค้านเขื่อนไฟฟ้าด้วยการเสนอว่าจะตัดไฟ และให้ใช้คบเพลิงแทน
กัมพูชา พึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง และพลังงานที่มาจากการนำเข้าที่จะตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ของประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยอยู่ในกลุ่มแพงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังประสบต่อการร้องเรียนจากนักลงทุนต่างชาติอยู่เสมอ
การก่อสร้างโครงการเขื่อนไฟฟ้าที่จีนให้ทุนสนับสนุน ที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อทศวรรษก่อนในกัมพูชา ได้เกิดข้อวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อสัตว์ป่า หรือสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์ แหล่งพันธุ์ปลา และชุมชนต่างๆ ที่หาอาหาร หรือมีรายได้จากแม่น้ำ
ในการเปิดดำเนินการเขื่อนไฟฟ้าขนาด 246 เมกะวัตต์ มูลค่า 540 ล้านดอลลาร์ ที่ จ.เกาะกง วันพุธ (23) นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ยอมรับว่า มีข้อกังวลบางประการ เช่น น้ำท่วมพื้นที่ป่า แต่ก็ย้ำว่ากัมพูชาไม่มีทางเลือก
“เราต้องยอมเสีย” ฮุนเซนกล่าวในการกล่าวสุนทรพจน์ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รัฐบาลกำลังหาหนทางที่จะกู้ยืมจากจีนเพิ่มเติมเพื่อขยายโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า
กัมพูชา วางแผนที่จะสร้างเขื่อนไฟฟ้า 14 แห่ง ที่ตั้งเป้าให้ดำเนินการได้ภายในปี 2563 ซึ่งในรายงานจากการประชุมกลุ่มสิ่งแวดล้อมและเอ็นจีโอในกัมพูชา ระบุว่า เขื่อนไฟฟ้าที่สร้างขึ้นแล้วทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า และกระทบแหล่งน้ำ
ฮุนเซน กล่าวว่า เขื่อนไฟฟ้า 6 แห่ง จาก 7 แห่ง ที่สร้างมาจนถึงตอนนี้ได้เข้าสู่การดำเนินการแล้ว และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหลายหมื่นครัวเรือน
ผู้นำกัมพูชาไม่สนใจนักวิจารณ์ โดยระบุว่าเป็น “พวกหัวรุนแรง” ที่คัดค้านทุกสิ่งทุกอย่าง
“เราสามารถทำคบเพลิงให้พวกนักสิ่งแวดล้อมหัวรุนแรงใช้ได้ และตัดไฟจากบ้านของพวกเขา” ฮุนเซน กล่าว
รัสเซีย และกัมพูชาลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานเมื่อเดือนก่อนระหว่างการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ซึ่งมอสโกจะจัดหาความเชี่ยวชาญ การวิจัย และการฝึกอบรมในด้านพลังงานนิวเคลียร์ให้แก่กัมพูชา.