เอเอฟพี - ผู้นำคนใหม่ของเวียดนามจะถูกเลือกขึ้นในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ในเดือน ม.ค. ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการที่ออกเมื่อค่ำวานนี้ (21) ในขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้ต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ตึงเครียดกับจีน ที่เป็นเพื่อนบ้าน และคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ
การประชุมครั้งสำคัญที่จัดขึ้นทุก 5 ปี จะพิจารณาตัดสินว่าใครจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี และกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศ
ชนชั้นปกครองจะเลือกผู้สืบทอดต่อจากประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง กำลังทำหน้าที่ในสมัยสุดท้ายในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยการลงคะแนนเสียงเชิงสัญลักษณ์รับรองจากรัฐสภาจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนต่อมา
“การประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งที่ 12 จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ม.ค. และสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ม.ค. ในกรุงฮานอย” คำแถลงของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ระบุ
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลากดดันสำหรับประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่สงครามสิ้นสุดลงในปี 2518 เวียดนามได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจากประเทศที่ยากจนขาดแคลนอาหาร มาสู่ประเทศรายได้ปานกลาง และการเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก
แม้ยังมีปัญหาติดค้างในภาคส่วนธนาคาร และรัฐวิสาหกิจ แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ และนักวิเคราะห์กล่าวว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นักวางแผนกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนโฉมกิจการของรัฐขนาดใหญ่ที่ครองหลายภาคส่วนของประเทศ แต่กลับไม่มีความก้าวหน้าในนวัตกรรม และการเติบโต รวมทั้งเป็นแหล่งของการทุจริตคอร์รัปชัน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังประณามการปฏิบัติอย่างแข็งกร้าวของพรรคต่อนักวิจารณ์ ที่รวมทั้งการจำคุกบล็อกเกอร์ และทนายความ
ส่วนปัญหาข้อพิพาทดินแดนที่ยืดเยื้อยาวนานกับปักกิ่งเกี่ยวกับหมู่เกาะ และน่านน้ำในทะเลจีนใต้ยังเป็นคำถามที่ยากสำหรับเวียดนาม
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกลงจนถึงจุดต่ำสุดในรอบหลายสิบปีในเดือน พ.ค.2557 เมื่อปักกิ่งย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามาในน่านน้ำที่เวียดนามอ้างสิทธิอธิปไตย
เหตุจลาจลต่อต้านจีนที่มุ่งเป้าไปยังโรงงานที่ลงทุนโดยชาวต่างชาติ ทำให้เห็นจีนอพยพพลเมืองตัวเองหลังมีชาวจีนเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน
ด้านสหรัฐฯ พยายามเริ่มมีสัมพันธ์กับอดีตศัตรูสงครามเมื่อความสัมพันธ์ของฮานอยกับเพื่อนบ้านคอมมิวนิสต์สั่นคลอน.