ข้อตกลงการค้า-อีคอมเมิร์ซกระตุ้นโลจิสติกส์เวียดนามเฟื่องฟู

รอยเตอร์ - เวียดนามสามารถคาดหวังการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วอยู่แล้วของประเทศ ด้วยการสนับสนุนจากการนำเข้า-ส่งออกที่คาดว่าจะเฟื่องฟูจากข้อตกลงการค้าพหุภาคีใหม่ๆ และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการค้าปลีกภายในประเทศและการใช้จ่ายผ่านอี-คอมเมิร์ซ

ตามข้อมูลภาคส่วนอุตสาหกรรมระบุว่า ภาคส่วนโลจิสติกส์ของเวียดนามขยายตัว 20-24% ในปีนี้ คาดว่าจะมีบริษัทที่เกี่ยวข้องราว 70% จาก 1,300 บริษัททำกำไรได้

การเติบโตขยายตัวที่คาดไว้จะมาจากข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปและความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ที่ช่วยเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศมาสู่โรงงานต่างๆ

ช่วงสองสัปดาห์หลังข้อสรุปเดือนต.ค. ของข้อตกลง TPP ที่มีประเทศสมาชิก 12 ประเทศซึ่งครอบคลุม 40% ของเศรษฐกิจโลก กิจการด้านโลจิสติกส์ขยายเพิ่มสูงในเวียดนาม โดยมีบริษัทขนส่งสินค้า Gemadept Corp ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 28% และบริษัท Viconship ที่ 20%

การค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งทางเรือ การขนส่งทางรถไฟ และบริษัทขนส่ง ที่ได้ประโยชน์จากอี-คอมเมิร์ซ ที่กำลังเฟื่องฟูในเวียดนาม ปริมาณตู้สินค้าทั้งเข้าและออกจากประเทศเพิ่มจำนวนขึ้นประมาณ 36% นับตั้งแต่ปี 2554 รวมทั้งตู้สินค้า 1,700 ตู้ ต่อวันที่มีปลายทางไปยังสหรัฐฯ

บริษัท DHL Express บริษัทโลจิสติกส์ระหว่างประเทศรายแรกที่ตั้งกิจการในเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และความช่วยเหลือจาก อี-คอมเมิร์ซ และการเพิ่มจำนวนของสินค้าอิเล็กโทรนิคส์ ที่ส่วนใหญ่เป็นสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ของแบรนด์ Samsung LG Intel Panasonic Toshiba และ Sony เป็นตัวแทนโอกาสที่สำคัญสำหรับตลาดโลจิสติกส์ในเวียดนาม ตามการระบุของโฆษกบริษัท UPS

อย่างไรก็ตามเครือข่ายโลจิสติกส์ในประเทศยังไม่แข็งแรงและมีค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับ 1 ใน 5 ของ GDP ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และยังเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งต่างชาติที่ครองภาคส่วนนี้

"บริษัทท้องถิ่นต้องลงทุนมากขึ้นในสิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเอง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้้เล่นต่างประเทศได้" โด่ ซวน กวาง รองประธานของสมาคมโลจิสติกส์เวียดนาม.